ดิฉันเป็นข้าราชการ สามีมีอาชีพรับราชการ มีบุตรด้วยกัน 2 คน ชาย 1 หญิง 1 สามีและดิฉันต้องการวางแผนคุมกำเนิด โดยสามีตัดสินใจไปทำหมั้นที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2546 ซึ่งหมอได้นัดตรวจเป็นระยะหลังทำหมั้น จนผลการตรวจออกมาไม่มีน้ำเชื้อ พอประมาณเดือน พฤษภาคม 2547 ดิฉันมีความผิดปกติเหมือนมีอาการตั้งครรภ์ ก็ไม่แน่ใจจึงไปตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ผลปรากฎว่าท้อง ช่วงแรกดิฉันกลุ้มใจมาก แต่พวกพี่ที่ทำงานบอกว่าทำหมั้นไม่ถึงปีอาจมีน้ำเชื้อหลงเหลือได้ สามีกับดิฉันก็คิดเช่นนั้น แต่พอประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ดิฉันแท้งหมอลงความเห็นว่าไข่อาจไม่สมบูรณ์ เรื่องนี้ถือว่าเป็นฝันร้ายครั้งที่หนึ่งไปแล้ว สามีก็ยังไม่ไปตรวจอะไร เพราะคิดว่าเชื้อคงไม่สมบูรณ์ และยังไม่ครบปี แต่พอมาปัจจุบัน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 248 ดิฉันมีอาการผิดปกติซึ่งก็เหมือนกับอาการตั้งครรภ์ ดิฉันจึงไปตรวจที่โรงพยาบาล ผลปรากฎว่าดิฉันตั้งครรภ์ ดิฉันเครียดมากเนื่องจากสามีทำหมั้นมา 2 ปีแล้วทำไมถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ ดิฉันบังคับให้สามีไปตรวจที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2548 คำตอบแรกที่สามีเล่าให้ดิฉันฟังดิฉันไม่คิดว่าจะออกมาจากหมอได้ คือ " ทำหมั้นแล้วไม่มีทางตั้งครรภ์ได้ นอกจากภรรยาของคุณจะมีปัญหา" ซึ่งความหมายคือ ดิฉันมีชู้ แต่สามีก็ยังใจเย็นยืนยันให้หมอตรวจ ผลปรากฎว่า มีน้ำเชื้อ 70% ซึ่งหมอแสดงความรับผิดชอบโดยการนัดทำหมั้นสามีใหม่ ดิฉันอยากสอบถามดังนี้
1. ดิฉันสามารถฟ้องร้องโรงพยาบาลได้หรือไม่
2. ดิฉันจะมีสิทธิที่จะทำอย่างไรให้หมอรู้จักคำว่าจรรยาบรรณ ทำอะไรให้รอบคอบมากกว่านี้ ซึ่งถ้าเหตุการณ์นี้เกิดกับบุคคลอื่นที่ครอบครัวเข้ามีปัญหาก็คงต้องเลิกรากันไป ปล่อยให้เด็กเป็นภาระของสังคม
1. ถ้าได้ความว่าการกระทำของหมอเป็นความประมาทเลินเล่อ ก็ฟ้องให้รับผิดชอบและเรียกค่าเสียหายได้
2. ถ้าหมอเองไม่รู้จักจรรยาบรรณ ใครอื่นใดในโลกก็ไม่สามารถไปทำให้เขาเกิดมีจรรยาบรรณได้ เว้นแต่ฟ้องร้องให้รับผิดชอบให้เป็นตัวอย่าง จะได้ระมัดระวังมากขึ้น
อนึ่งการทำเพื่อไม่ให้เกิดลูกนั้น เขาเรียกว่า "ทำหมัน" ส่วนการ "ทำหมั้น" นั้น เป็นเรื่องของขบวนการเริ่มต้นของการที่จะทำให้เกิดลูก เพราะเมื่อหมั้นกันแล้วก็ต้องแต่งงานกัน แล้ว ก๊อ มีลูก
เกิดอะไรขึ้นกับการเรียนภาษาไทยของคนไทยก็ไม่รู้ซี เพราะคุณไม่ใช่คนแรกที่เขียนผิดอย่างนี้