1.ผมอาศัยอยู่มาตั้งแต่เป็นที่ดินของพ่อ(เป็นอาคาร 2 คูหา) แต่พอพ่อเสียพี่น้องทั้งหมดก็เลยตกลงแบ่งให้ผม 1 ห้อง ให้พี่สาว 1 ห้อง แต่โอนให้เป็นชื่อพี่สาวคนเดียว เป็นโฉนดผืนเดียวกัน ตกลงกันว่าเดี๋ยวจะโอนให้ในภายหลัง แต่พอเวลาผ่านไปประมาณ 10 กว่าปี ก็ไม่ยอมโอน อ้างโน้นอ้างนี่ ต่าง ๆ นา ๆ แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรถือว่าเป็นพี่น้องกันเดี๋ยวก็โอนให้( มีพี่น้อง 9 คน ทุกคนทราบดีว่า ห้องแบ่งให้ผม 1 ห้อง แต่ยังไม่โอนเพราะขณะนั้น ผมยังติดเล่นการพนันอยู่ ก็รอให้ลูก ๆ ผมโตก่อนแล้วจะโอนให้ ***เป็นความคิดเห็นของพี่น้องในขณะนั้น รวมทั้งพี่สาวคนนี้ก็รู้อยู่แ่ก่ใจ)
2.ผมก็อาศัยอยู่มาตลอดประมาณ 20 ปี จนลูก ๆ ของผมโต ทางพี่สาวก็ไม่ยอมโอนให้อ้างว่่าที่ดินเป็นของแกคนเดียว และพี่สาวคนนี้ได้โอนที่ดินให้แก่ลูกสาว และทางลูกสาวก็มาฟ้องขับไล่ผมเพื่่อจะเอาห้องที่ผมอาศัยอยู่ 1 ห้อง (พี่น้องทุกคนได้ไปบอกกล่าวแล้วแกก็ไม่ยอมท่าเดียว)
3.คำถาม
ตอนนี้ผมได้ให้ทนาย แย้งข้อกล่าวหาแล้ว โดยอ้าง สิทธิครอบครอง ปรปักษ์
แต่ทางผู้พิพากษา ไ้ด้นัดไกล่เกลี่ย แต่ทางโจทย์ไม่ยอม จะเอาท่าเดียว ดังนั้นจึงตกลงกันไม่ได้ ก็สรุปก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาล
3.1 ทางศาลถามว่าผมใช้สิทธิอะไรเข้ามาอยู่?ตอบว่าใช้สิทธิของแม่ให้เข้ามาอยู่ /แต่ทางศาลบอกว่าไม่ได้ และถามย้ำอีกว่าใช้สิทธิอะไรถึงเข้ามาอยู่ ?????? ช่วยบอกผมทีผมไม่เข้าใจคำถามของศาลครับ
3.2 พอจะมีแนวทางยังไงในการสู้คดีครับ (พี่น้องทุกคนพร้อมเป็นพยานครับ) แต่ทางโจทย์มี โฉนดและตัวพี่สาวผมเป็นพยาน
1. ก็ถ้าคุณเข้าไปอยู่โดยอาศัยสิทธิของแม่ เมื่อที่ดินนั้นแม่ยกให้คนอื่นแล้ว คุณก็ย่อมไม่มีสิทธิน่ะซี แต่ตามเรื่องที่เล่ามาน่ะ คุณไม่ได้อาศัยสิทธิของแม่ หากแต่อาศัยสิทธิของตนเอง เพราะแม่ยกที่ดินนั้นให้คุณ และคุณก็ได้เข้าไปอยู่อาศัยอย่างเป็นเจ้าของมาเป็นเวลาเกิน ๑๐ ปี แม้จะยังไม่ได้มีการจดทะเบียน คุณก็ย่อมมีกรรมสิทธิในที่ดินนั้น ทางสู้ก็คือต้องสู้ว่าคุณได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมาจนได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว