กราบเรียน ท่านอาจารย์ที่เคารพ
ผมมีปัญหาดังนี้ครับ เมื่อครั้งที่ผมทำวิจัย เรื่อง ศิลปกรรมไทยในเมรุลอยอยุธยา พบว่า เมรุลอยคือเมรุไม้ชั่วคราวขนาดใหญ่ที่สร้างไว้ให้เช่าสำหรับเผาศพ กลุ่มผู้ให้เช่าคือ ชาวบ้านตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๑๐ ราย ลูกค้าส่วนมากจะเป็นพระสงฆ์เกือบทั่วประเทศ ไม่ปรากฏว่ามีผู้ประกอบอาชีพในแหล่งอื่น ๆ ชัดเจนนัก อาจจะมีหลงเหลือเป็นรายเล็ก ๆ บ้าง ส่วนอีกแหล่งหนึ่งคือจังหวัดเพชรบุรีซึ่งนับว่าเป็นแหล่งเก่าแก่ แต่เป็นเมรุของวัด ปัจจุบันไม่ปรากฏว่าออกตั้งเมรุให้เห็นบ่อยนัก ผู้ประกอบอาชีพในตำบลหัวเวียงบางรายเคยมีงานให้เช่าเมรุสูงสุดประมาณ ๔๐ กว่างานในหนึ่งปี นับว่ามีชื่อเสียงมาก
แต่ขณะนี้มีบุคคลซึ่งประกอบอาชีพเป็นนายหน้าหางานจากวัดต่าง ๆ ทางภาคอีสานมาให้เมรุลอยอยุธยาโดยนายหน้าจะเป็นคนกำหนดราคาเอง และห้ามใช้ชื่อเจ้าของเมรุหรือเมรุลอยอยุธยา แต่ให้ใช้ชื่อตามชื่อนายหน้า จากคำบอกเล่าของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเมรุลอยอยุธยาอ้างว่า เป็นอย่างนี้มา ๓-๔ ปีแล้ว จนรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ จึงคิดส่งเอกสารไปตามวัดต่าง ๆ ในภาคอีสานชี้แจงเรื่องดังกล่าว ผมอ่านเอกสารฉบับร่างแล้วเห็นว่า ในคำกล่าวอ้างมีการอ้างชื่อจริง ที่อยู่ของนายหน้าคนนั้น พร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียดราคาค่าเช่าเมรุลอย พร้อมไฟประดับและอื่น ๆ ตามที่นายหน้าคนนั้นคิดเอาจากทางวัดและแสดงรายละเอียดว่าในความเป็นจริงแล้วมีค่าใช้จ่ายจริงอย่างไรบ้าง เจ้าของเมรุลอยตัวจริงได้รับเงินเท่าไร และนายหน้าคนนั้นเหลือเงินเท่าไร ซึ่งจากเอกสารดังกล่าวระบุงานหลังสุดที่จังหวัดหนองบัวลำภู นายหน้ารับเงินประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ บาท ในขณะที่เจ้าของเมรุเหลือเพียงไม่กี่หมื่น
ซึ่งผมขอถามว่า
๑. หากกลุ่มผู้ประกอบอาชีพส่งเอกสารชี้แจงไปตามวัดต่าง ๆ โดยลงชื่อท้ายเอกสารว่าเป็นกลุ่มผู้ประกอบอาชีพเมรุลอยอยุธยา แต่มีการระบุชื่อจริง ที่อยู่ของนายหน้า จะถูกฟ้องร้องได้หรือไม่ครับ
๒. เหตุการณ์ดังกล่าว หากไม่ให้มีการเอาเปรียบแบบนี้ขึ้นควรดำเนินการเช่นไรครับ
ขอบพระคุณครับ
ประพัฒน์ วรทรัพย์
เรียน คุณประพัฒน์
1.ถ้าข้อความในเอกสารมีแต่ข้อเท็จจริงว่าเจ้าของเมรุที่แท้จริงคิดค่าเช่าเท่าไร โดยไม่ไปกล่าวถึงคนอื่นให้เขาเสียหาย ก็คงไม่ถูกฟ้องร้อง
2. ทางที่ดีที่สุดก็คือเจ้าของเมรุไปติดต่อกับทางวัดเสียเอง หรือแจ้งให้ทางวัดทั่วประเทศทราบว่าถ้าจะติดต่อโดยตรง สามารถติดต่อได้ที่ไหน ด้วยราคาเท่าไร การให้นายหน้าเป็นผู้ไปหางานมา นายหน้าเขาก็ต้องมีค่าใช้จ่ายของเขา และต้องมีกำไรของเขาด้วย ในขณะเดียวกัน เจ้าของเมรุก็ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการไปติดต่อ จะเรียกเท่าไรก็เรียกไปเท่าที่ตนพอใจ ส่วนนายหน้าเขาจะไปเรียกเท่าไรก็ต้องทำใจให้ได้ เพราะเป็นทางปฏิบัติของวงการค้า จะบอกว่าเป็นการเอาเปรียบเสียทีเดียวก็ไม่น่าจะถนัดนัก