เรียนท่านอาจารย์ที่เคารพ
ข้อความต่อไปนี้เป็นคำตอบและคำแนะนำของท่านอาจารย์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2548 ครับ
เมื่อหลายปีก่อนแม่บ้านของผมไปซื้อที่ดินที่ต่างจังหวัดแปลงหนึ่ง เนื้อที่ ๔ ไร่ เมื่อสอบเขตเรียบร้อยแล้วก็ดำเนินการทำรั้ว คนที่มีที่ดินอยู่ติดกันก็มาร้องห่มร้องไห้ว่า เมื่อ 40 กว่าปีก่อน เจ้าของที่ดินที่เราไปซื้อเขามา ได้รุกล้ำที่ดินของเขาประมาณครึ่งเมตร ชีวิตเขาต้องทุกข์มานานแล้ว เราก็ขอให้เจ้าหน้าที่ที่ดินไปตรวจสอบใหม่ว่าเนื้อที่ดินตามที่ปรากฏในโฉนด และหลักเขตที่เป็นอยู่นั้น ถูกต้องทั้งตำแหน่งและเนื้อที่หรือไม่ เจ้าหน้าที่มาสอบแล้วก็ยืนยันว่าถูกต้องตรงกัน แต่เจ้าของที่ดินข้างเคียงก็ยังยืนยันว่าพ่อของเขาถูกโกงมา ที่ดินส่วนที่เขาอ้างว่าถูกรุกล้ำนั้น จะมีเนื้อที่ประมาณ ๔๐ กว่าตารางวา ผมจึงถามแม่บ้านของผมว่า ถ้าได้ที่ดินส่วนนั้นมาแล้วจะทำให้มีความสุขอยู่หรือไม่ เธอก็ตอบว่า เฉย ๆ ไม่ได้สุขขึ้นหรือทุกข์ขึ้น ผมก็ถามต่อไปว่าถ้าต้องเสียไปจะทำให้ยากจนลงหรือไม่ เธอก็ว่าไม่ได้ทำให้ยากจนลง ผมจึงบอกกับเธอว่า ถ้าที่ดินดังกล่าวเคยเป็นของเขาจริง การคืนให้เขาไปก็จะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกัน แต่ถ้าที่ดินส่วนดังกล่าวไม่ได้เคยเป็นของเขา แต่เขาอยากได้ ไม่ว่าจะด้วยมูลเหตุเพราะเข้าใจผิดหรือความโลภ การที่เขาได้ไป ย่อมเกิดความสุขขึ้น การทำให้คนอื่นมีความสุขโดยเราไม่ได้เดือดร้อนนั้น เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ เพราะฉะนั้นให้เขาไปเถิด ซึ่งเธอก็ตกลงยอมร่นรั้วเข้ามา เพื่อนบ้านคนนั้นเข้ามากราบกับพื้น ด้วยใบหน้าที่มีความสุขสม และเราก็มีเพื่อนบ้านที่ดีไม่ต้องคอยนอนสะดุ้ง เป็นกุศลที่เห็นทันตา เล่ามาให้ฟังเผื่อจะทำให้เกิดความเย็นลงได้บ้าง
ในกรณีที่ดินภรรยาผม ญาติผู้ใหญ่ที่ขอแบ่งซื้อที่ดินไปนี้คิดร้ายกับภรรยาผมมาหลายสิบปีแล้ว เราต่างหากที่ไม่รู้เรื่องนี้เลย เพิ่งจะมารู้เมื่อเขาแสดงตัวเรื่องที่ดินเมื่อปี 37 นี่เอง จะมองว่าภรรยาผมไร้เดียงสาก็ได้ เพราะญาติผู้ใหญ่คนนี้พูดมาตลอดตั้งแต่ภรรยาผมเป็นเด็กในทำนองว่าที่ดินแปลงนี้ควรจะเป็นของเขา จริงๆแล้วมีความเลวร้ายซ่อนอยู่ข้างหลัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวที่ซับซ้อนและแตกแยก และบังเอิญไปเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลระดับสูง หลังจากภรรยาผมแจ้งความเรื่องการเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติของพี่ชายเธอเมื่อปี 2538 มีอำนาจนอกระบบของผู้มีอิทธิพลระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการใช้อำนาจมืดกลั่นแกล้งกดดันเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาการสอบเขตที่ดินภรรยาผมจึงไม่ใช่แค่เรื่องที่ดินสองหรือสามตารางวาอย่างที่เห็นกันอยู่นี้ อำนาจมืดไม่ต้องการให้เราพิสูจน์ได้ว่าญาติผู้ใหญ่คนนี้ทำความเลวร้ายกับเราจริง เพราะจะทำให้การป้ายสีของอำนาจมืดที่ทำกับเราใช้การไม่ได้ และจะทำให้สิ่งที่เราพูด(สิ่งที่อำนาจมืดไม่ต้องการให้พูด)มีน้ำหนักขึ้นมาทันที (หากท่านอาจารย์พอมีเวลา เชิญเข้าไปอ่านเรื่อง ความเป็นมา ในเว็บ darkpower-thai.blogspot.com โดยเฉพาะในส่วนหมายเหตุท้ายบทความ ท่านอาจารย์จะเข้าใจสิ่งที่ผมพูดมากขึ้นครับ)
เรื่องการเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าหน้าที่นั้น ไม่ใช่ความต้องการของผมและภรรยา แต่หากการต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมจะทำให้เป็นปฏิปักษ์กับเจ้าหน้าที่ ก็คงจะหลีกเลี่ยงได้ยาก ตามสภาพสังคมไทยที่เป็นกันมาช้านาน ประชาชนทั่วไปมักจะเกรงเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว หากเป็นเจ้าหน้าที่ ดี ก็จะเป็นที่รักของประชาชนได้ง่าย ดังนั้น การที่ประชาชนทั่วไปจะถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าหน้าที่ได้นั้น ผมเชื่อว่ามีที่มาที่ไปพอสมควร และก็เฉพาะกับเจ้าหน้าที่ ไม่ดี ที่ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมเท่านั้น ไม่ใช่กับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
ในส่วนของผมกับภรรยา เราทำสิ่งที่ต้องทำ ผมเคยเรียนท่านอาจารย์เมื่อหลายเดือนก่อนว่า เราไม่ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อถูกบีบมาตลอด สิ่งที่ไม่อยากทำจึงกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เมื่อการนิ่งไม่สู้ทำให้เราถูกรังแกอยู่ข้างเดียว แล้วเราจะนิ่งให้เขารังแกต่อไปทำไม เราอาจจะเป็นเพียงจักรเฟืองตัวเล็กๆ แต่หากมีส่วนทำให้สังคมนี้ดีขึ้นได้บ้าง เราคิดว่า คุ้ม กับการเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าหน้าที่ ไม่ดี แน่นอนครับ สำหรับเจ้าหน้าที่ดี ที่ถูกบีบให้ต้องทำในสิ่งที่ไม่ดี ผมอยากจะบอกพวกเขาว่า เป็นอิสระเถิด
แม้ว่าที่ผมเขียนมานี้จะไม่ใช่คำถาม ผมยินดีน้อมรับฟังความคิดเห็นท่านอาจารย์ครับ
ขอบพระคุณมากครับ
เทียมจิตร
เรียน คุณเทียมจิตร
ไม่มีอะไรนอกจากจะขออนุโมทนาในความบากบั่นที่จะต่อสู้
โดยปกติที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ที่ "ไม่ดี" มักจะมีหลักฐานที่จะใช้อ้างเป็นเหตุผลให้สิ่งที่ไม่ดี ดู "ถูกต้อง" ได้ เมื่อสอบสวนทวนความกันแล้ว แม้จะตระหงิด ๆ ว่าน่าจะมีอะไรไม่ถูกต้อง แต่ก็ยากจะหาหลักฐานหรือยืนยันเป็นมั่นเหมาะได้ว่า มีการกระทำที่ "ไม่ดี" เกิดขึ้นได้