เรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพ
ตามคำถามที่ 013033 เรื่องการแจ้งเกิดเท็จ มีข้อสงสัยขอเรียนถามเพิ่มเติมดังนี้
1. ตามท่อาจารย์แจ้งว่าบุตรที่เกิดโดยบิดา-มารดา มิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ย่อมเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของมารดาและได้สัญชาติตามมารดานั้น เนื่องจากขณะที่บุตรเกิดเป็นช่วงที่การได้สัญชาติไทยต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 แต่เมื่อมีการยกเลิก ปว.337 โดย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 บุตรที่เกิดในประเทศไทยจะได้สัญชาติไทยโดยหลักดินแดนตามมาตรา 7 (2) เนื่องจากบิดาไม่ใช่บุคคลตามเงื่อนไขมาตรา 7 ทวิ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้มีผลย้อนหลังกับบุคคลที่เกิดก่อน พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ตามมาตรา 11 ดังนั้นบุตรน่าจะได้สัญชาติไทยตามหลักดินแดน ไม่น่าจะได้สัญชาติตามมารดาเหมือนที่อาจารย์ตอบ เพราะกฎหมายสัญชาติเป็นกฎหมายเฉพาะ ไม่น่าพิจารณาว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของมารดาฝ่ายเดียวตามหลักกฎหมายแพ่ง
2. ผมรู้สึกสับสนกับการวินิจฉัยสัญชาติตามหลักกฎหมายสัญชาติของไทย เพราะมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด และมักจะกำหนดให้มีผลย้อนหลัง ซึ่งบางครั้งก็ย้อนหลังเป็นโทษ จะศึกษารายละเอียดเรื่องดังกล่าวได้ที่ไหน หรือมีตำราที่รวบรวมเรื่องดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะบ้างหรือไม่ครับ
3. การแจ้งเกิดเท็จนอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายอาญาฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ และใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดแล้ว ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราฎร พ.ศ.2534 มาตรา 50 ด้วย และเมื่อนำเอกสารใบแจ้งการเกิดไปขอเพิ่มชื่อบุตรในทะเบียนบ้านแล้ว ยังมีการใช้เอกสารทะเบียนบ้านซึ่งเป็นเท็จโดยต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เป็นการกระทำความผิดต่อเนื่องหรือไม่ หรือเป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่แจ้งการเกิดและเพิ่มชื่อ ทำให้คดีขาดความอายุความแล้ว
ขอบคุณมากครับ
อารมย์
เรียน คุณอารมย์
1. กฎหมายสัญชาติจะเป็นอย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กไม่ใช่บุตรของชายตามกฎหมาย ก็ไม่ต้องไปพิจารณาว่า ชายที่ทำให้เด็กเกิดมีสัญชาติอะไร
2. ในขณะนั้นมีความจำเป็นเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ แต่ต่อไปคงไม่เกิดอีก เพราะอาจขัดรัฐธรรมนูญได้
3. ทะเบียนบ้านนั้นไม่ได้เป็นเท็จ แต่เป็นเอกสารของทางราชการ ใคร ๆ ก็เอาไปใช้ได้