ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    012818 ขายฝากที่ดินกับการขอซื้อคืนพิบูลย์6 มกราคม 2548

    คำถาม
    ขายฝากที่ดินกับการขอซื้อคืน

    เรียน ท่านอาจารย์มีชัย ที่เคารพ

            ขอเรียนถามดังนี้  ผมมีที่ดินอยู่ 1 แปลงตั้งอยู่ในทำเลดี  หลายปีก่อนมีความจำเป็นเรื่องเงินจึงนำที่ดินไปขายฝาก  ทั้งๆ ที่ทราบว่าอันตรายแต่ไม่มีทางเลือก  ก่อนหน้านั้นคนใกล้ชิดแนะว่าควรหาในระบบก่อน แต่ตอนนั้นหาไม่ได้เพราะจำกัดที่เงินเดือนไม่พอส่ง (ข้าราชการ)  บางคนก็แนะนำให้ลองพยายามหาจำนองบุคคล  ก็หาไม่ได้เพราะ 4-5 ปีที่แล้วไม่ค่อยมี   เพิ่งมีได้ไม่นานมานี้ ปรากฏว่า 1 ปีให้หลัง  หลุดขายฝาก  ผมเสียดายที่จึงพยายามขอซื้อคืนเพราะเป็นที่มรดก ไม่อยากมีตราบาปในใจ  เจ้าของขายฝากซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของที่ดินยินยอม  โดยให้ทำเป็นหนังสือสัญญาซื้อที่ดินคืนในราคาเดิมที่ขายฝากไป  โดยไม่มีกำหนดเวลาและคิดดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 ต่อเดือน ไม่มีการให้ผ่อนชำระเงินต้นคืนเป็นงวดๆ แต่อย่างใด  ผมสามารถไถ่ถอนได้ทุกเมื่อ  ในสัญญาระบุให้ซื้อคืนในราคาเดิม  ทั้งๆ ที่เขาสามารถประกาศขายได้ในราคาตลาดที่สูงกว่ามากเกือบเท่าตัว (อยู่ในทำเลดี)  ผมให้ดอกเบี้ยเขาทุกเดือนติดต่อกันมา 3 ปี  ความที่ผมให้ดอกเบี้ยเขาดี  เขาเสนอให้เงินเพิ่มเพื่อไปลงทุนอีกหลายแสนบาท จึงกลายเป็นว่าราคาซื้อคืนไม่ใช่ราคาเดิมแต่เป็นราคาใหม่ที่สูงขึ้น  แต่ก็นับว่ายังน้อยกว่าราคาขายในตลาดปัจจุบันมาก  ผมมองเห็นถึงความเสียเปรียบหลายอย่างแต่ไม่มีทางเลือก จึงอยากเรียนปรึกษาดังนี้

    1.การที่เขาไม่เสนอให้ผ่อนชำระเงินต้นเสียบ้างเพื่อให้ดอกเบี้ยลด  ยุติธรรมหรือไม่  (แต่ต่อมาเขาลดอกเบี้ยให้เป็น 2 %)  เพราะดูแล้วไม่มีวันสิ้นสุดตราบใดที่ผมยังหาเงินต้นคืนไม่ได้

    2.การที่เขาอ้างว่าเขาสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่า  ก็เป็นเรื่องจริง  เขาขอแค่เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเขาคืนเท่านั้น  ยุติธรรมและถูกต้องแล้วในแง่กฏหมายหรือไม่

    3.ผมอยากนำเข้าสู่เงินในระบบตลอดเวลา (เป็นข้าราชการด้วย)  ผมจำได้ว่าเมื่อหลายเดือนก่อนเคยมีมติครม. เรื่องการจะให้ข้าราชการลงทะเบียนเพื่อโอนหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบ  ไม่ทราบคำสั่งจะลงมาที่หน่วยงานราชการเมื่อไหร่ครับ  ผมจะได้ไปขึ้นทะเบียน

    4.จากเรื่องที่เล่าท่านอาจารย์ทั้งหมดผมรู้สึกตนเหมือนคนโง่ ผมถูกเอาเปรียบมาตลอดใช่หรือไม่ครับ ที่ผมต้องยอมเท่าทุกวันนี้เพราะเป็นที่มรดก   ถ้าไม่ใช่ผมปล่อยขาดไปนานแล้ว ผมเครียดและเป็นทุกข์มากครับ   ท่านอาจารย์หาทางออกให้ผม

    ขอบพระคุณมากครับ

    พิบูลย์

    คำตอบ

    เรียน คุณพิบูลย์

         1. การที่เขาไม่เสนอให้ผ่อนเงินต้น ก็เพราะอันที่จริงในแง่ของกฎหมาย คุณไม่มีหนี้อะไรอยู่กับเขาอีกแล้ว  การที่เขาตกลงจะขายที่ดินคืนให้คืน ก็เป็นเรื่องของสัญญาจะซื้อจะขาย เมื่อไรเขาเบื่อขึ้นมาเขาอาจกำหนดเวลาให้คุณซื้อ และถ้าคุณไม่ซื้อเขาก็บอกเลิกสัญญาดังกล่าวเสียได้  ดังนั้น การที่เขาเรียกเก็บแต่ดอกเบี้ย (เพื่อค่าที่ตกลงจะขายคืนให้ในราคาเดิม) จึงนับว่าเขายังกรุณาอยู่

        2. ในแง่หนึ่ง ก็นับว่ายุติธรรมพอสมควร แต่ในอีกแง่หนึ่ง ก็เท่ากับว่าคุณเสียดอกเบี้ยในสิ่งที่ไม่ได้เป็นหนี้  แต่ก็ต้องคิดเสียว่าเป็นค่าที่เขารับปากจะขายคืนในราคาเดิม

        3. ดูเหมือนรัฐบาลเขาจดทะเบียนไปเสร็จสิ้นนานแล้ว เพราะตอนที่เขาประกาศนั้น เขาไม่แยกแยะหรอกว่าเป็นอาชีพอะไร  ดูเหมือนเขาประกาศแต่ว่าใครมีหนี้นอกระบบ ก็ให้ไปลงทะเบียนไว้ เขาจะได้หาทางให้หนี้นั้นมาอยู่ในระบบ

        4. ยังไม่อาจบอกว่า "โง่" เพียงแต่ ความไม่รู้ ทำให้มักจทำอะไรผูกพันโดยไม่สมควร 

         ปัญหาของคุณเกิดขึ้นเพราะความ "ติดยึด" ในคำว่า "มรดก" จึงทำให้เข้าทำนองเสียกำแล้วยังซ้ำเสียกอบ  ถ้าลองคิดให้ดีว่า ถ้าเจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะอยากให้คุณทำอย่างนี้ หรืออยากให้คุณอยู่สุขสบาย คำตอบก็น่าจะเป็นอย่างหลัง  ถ้าคุณเลิกติดยึดเสีย และตัดใจเสีย บางทีปัญหาจะแก้ไขง่ายกว่านี้  เพราะคุณก็บอกแล้วว่าที่ดินนั้นราคาตลาดสูงกว่านี้มาก  ถ้าคุณเป็นหนี้อยู่ ๕ แสน แล้วราคาที่ดินมีหนึ่งล้าน คุณตัดใจขายเสียในราคา ๗ แสนก็จะมีคนซื้อเร็วขึ้น  คุณก็จะสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด ยังมีเงินเหลืออีก ๒ แสน แถมยังไม่ต้องเสียดอกเบี้ย  ก็จะทำให้ฐานะดีขึ้น  ถ้ารู้จักเก็บออมไว้ อีกไม่นานก็อาจมีเงินพอที่จะไปซื้อที่นแปลงใหม่ทดแทนแปลงที่เป็นมรดกได้  แทนที่จะนั่งทนเสียดอกเบี้ยอย่างนี้ไปอีกไม่รู้เมื่อไร  พอดีพอร้าย เงินดอกเบี้ยที่เสียไปวันหนึ่งอาจจะมากกว่าราคาที่ดินก็ได้

     

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    6 มกราคม 2548