ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    012808 ขอถามเรื่อง "จดหมายถึงนาย" ค่ะฐิตินารถ3 มกราคม 2548

    คำถาม
    ขอถามเรื่อง "จดหมายถึงนาย" ค่ะ

    หนูได้มีโอกาสอ่าน "จดหมายถึงนาย" ค่ะ และหนูก็ได้ยินมาว่ามีออกมาภาค 2 แล้ว หนูไม่รู้ว่าบทความที่แสดงอยู่ในเว็บไซต์ในขณะนี้เป็นภาค 1 หรือภาค 2 คะ ความจริงหนูอยากอ่านทั้งหมดเลยค่ะ ไม่ทราบว่าจะไปหาที่ไหนคะ ถ้าอยากอ่านทั้ง 2 ภาค หนูคิดว่าเป็นบทความที่สะท้อนชีวิตและสภาพสังคมไทยได้ดีเหลือเกินค่ะ แต่บางคำพูด บางประโยค บางเรื่อง หนูก็ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ อาจเป็นเพราะภาษาที่ทางการ หรือเห็นภาพพจน์ไม่ชัดเจน หรือด้วยความเป็นเด็กม.6 ที่ทัศนะทางความคิด ประสบการณ์ชีวิต และวุฒิภาวะยังไม่ค่อยเยอะเท่าที่ควร แต่หนูเชื่อว่าสักวันหนึ่งในอนาคต ถ้าหนูได้หยิบบทความนี้ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง หนูคงมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและจะเข้าใจอะไรๆได้ดีขึ้นกว่าตอนนี้ค่ะ

    "...บทความ...

    ที่นักเรียนในฐานะ 'พลเมืองไทย' ทุกคนต้องอ่าน

    เปิดโลกทัศน์สู่โลกกว้าง

    เปิดรับความจริงที่มีอยู่ในสังคมไทย

    ...เตรียมพร้อมรับความจริง 'ด้วยสติ'

    ...เตรียมพร้อมคิดหาวิธีจัดการ 'ด้วยปัญญา'

    เพื่อความก้าวหน้าและพัฒนาของสังคมไทย ด้วยสองมือของเยาวชนไทย...ในวันนี้"

    โดยอาจารย์ปิยะโรจน์ เลี่ยวไพโรจน์

    หนูคิดว่าสักวันหนึ่งในอนาคต หนูจะเป็นผู้พัฒนาประเทศเท่าที่คนไทยคนหนึ่งจะทำได้ค่ะ

    มีอีกเรื่องหนึ่งที่หนูอยากเรียนขอความคิดเห็นค่ะว่า ในบทความ "จดหมายถึงนาย"นั้น ดูเหมือนว่าจะมีแต่เรื่องโจมตีประเทศไทยไปซะหมด แต่ตอนนี้ สถานการณ์ภาคใต้นั้น ดูเหมือนจะเรียกความประทับใจจากคนทั่วโลกที่ได้รับรู้ข่าวว่า ชาวไทยนั้น มีความรักและสามัคคีกันมากเหลือเกิน ที่เต็มใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกวิถีทาง หากคนที่ได้เขียนบทความ "จดหมายถึงนาย" นั้นได้รับรู้ เขาจะคิดเช่นไร กับคำประนามของตนเองต่อประเทศไทยเช่นนี้

    และหนูได้ไปเจอบทความในเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่ดีมากค่ะอยากรบกวนเวลาให้ท่านได้อ่าน

    บทความที่ 1

    "ธรรมชาติเอาคืน" ผู้พราก = ผู้ให้
    รู้กันไหมว่าก่อนเราเสียชีวิตมากมาย เราสูญเสียอะไรกันไป ?

    ไม่ใช่ช่วงนี้หรือที่ค่าน้ำมันขึ้น ข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจเริ่มลดตัว

    ...พ่อค้าหมู แม่ค้าผัก กระทั่งคนขายปลาทูต้มเค็มตัวละ 80 ในตลาดเขาหลัก นำของขายของตัวเองออกมาประกอบอาหาร
    แล้วมอบให้ผู้เสียหาย ผู้บาดเจ็บ อาสาสมัครช่วยเหลือต่างๆ
    นั่งทำแล้วแจก กลับไปทำอีก...แล้วกลับมาแจกใหม่
    นี่หรือพ่อค้าแม่ค้าหน้าเลือด

    เด็กวัยรุ่นตีกันกลางงานคอนเสิร์ต ทำร้ายกลางถนน
    ฆ่ากันเองเป็นว่าเล่น

    พวกเขาหยุดฆ่า หยุดทะเลาะ หยุดตีกัน
    ...เด็กพวกนั้นไม่มีกำลังทรัพย์ มีแต่กำลังกายที่มาช่วยกันแพคข้าวสารอาหารแห้ง
    แยกเสื้อผ้า ของบริจาคเป็นพวกๆ ที่ มธ.รังสิต ทำกันทั้งวันเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนหน้ามัน
    ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนทุ่มกว่าถึงกลับบ้าน

    นิสิตหนุ่มสาวแต่งตัวโก้ ขับรถเล่นไปมากันวันๆ
    เป็นคุณหนูลูกผู้ดี ความรู้ดี ไปเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น

    ...เชื่อไหมว่าหลายคน บินลงภูเก็ต พูดกันได้คนละ 2-3 ภาษา
    ไม่ว่าจะพูดชัดหรือไม่ชัด แต่เขาไปช่วยเป็นล่ามกัน
    เหงื่อไคลไหลย้อย มอมแมมเลอะเทอะทั้งตัว หน้าดำหน้าแดงอยู่กลางแดด
    เจอฝรั่งเงอะงะ แง่เงิ่น เขาตรงเข้าไปช่วย

    ความวุ่นวายทาง 3 จังหวัดใต้สุดของไทย ฆ่ากันทุกวันไม่มีเว้น
    ตั้งแต่ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร ประชาชน

    ...หลายคนวิ่งขึ้นมาช่วยภูเก็ต แม้ความสงบจะยังไม่คืนสู่พื้นที่แดนดินถิ่นตน
    ส่งกำลังกาย กำลังใจ กำลังเงิน
    ชาวมุสลิมแตะมือชาวพุทธ ชาวคริสต์ ช่วยกันขนโลงศพคนละมุมอย่างไม่รังเกียจ
    เดียดฉันท์ ละหมาดเพื่อคนตายไม่ว่าชาติ ศาสนาใด

    คุณรู้หรือยัง ว่าสิ่งที่เราเสียไป...เราได้กลับคืนมาแล้ว
    สิ่งที่เราเคยเรียกกันว่า สามัคคี มันหลั่งมาโดยที่เราไม่รู้ตัว

    น้ำคำ...กำลังใจ คำพูด คำปลอบโยน ที่เราบอกต่อๆ สู่ผู้ประสบภัยให้คลายเศร้า คลายตระหนก

    น้ำมือ...มือที่ช่วยเหลือ โอบอุ้มกันหนีภัย มือที่ยื่นของที่ตนมี ข้าว น้ำ อาหาร เงิน เสื้อผ้า ความช่วยเหลือให้กันและกัน
    อย่างไม่รู้จักเสียดมเสียดาย

    น้ำใจ...อันความกรุณาปรานี จะมีใครบังคับก็หาไม่ หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ...อย่าบอกว่ามองไม่เห็น
    จากร้อยบาท พันบาท เป็น ล้าน...สิบล้าน...ห้าสิบล้าน...จนกว่าสองร้อยล้าน
    สิ่งของมากเป็นตันๆ อาสาสมัครนับหมื่นๆ ที่มารวมตัวกันโดยไม่เลือกสถาบัน ทั้งหลวง และเอกชน
    เชื้อชาติ ศาสนา อายุ ? พวกเขามาด้วยเงินหรือ? พวกเขาหน้าดำคร่ำเครียด
    เหงื่อไหลไคลย้อย เสียเวลาตั้งแต่ คริสต์มาสถึงปีใหม่...แม้จวบเวลานี้? พวกเขามาด้วยอะไร

    ....สิ่งเหล่านี้...มันรวมกันเรียกว่า...น้ำทิพย์

    ยิ่งเมื่อรวมกับ...สามัคคี...จะมีอะไรมาทดแทน หรือ หยุดกำลังคนไทย ที่รวมไปด้วยสิ่งเหล่านี้ได้

    ไม่คิดบ้างหรือว่าคลื่นพิบัติช่วยเรียกสิ่งนี้กลับมาให้เราเท่าๆ กับที่เขาพรากไป?

    บทความที่ 2

    "อาวุธที่ร้ายแรงของคนไทย คือความสามัคคี"สื่อต่างชาติ ร่วมกันประโคมชื่นชม

    ดิฉันเป็นคนไทยคนหนึ่งที่มาเรียนอยู่อเมริกาค่ะ ได้ติดตามข่าวคลื่นยักษ์ถล่มทางใต้ตลอด ด้วยความเศร้าสลด กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ต้องทำใจค่ะ ว่านี่มันคือภัยธรรมชาติ ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจ กับผู้ที่สูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่สูญเสียคนที่รักไป

    ดิฉันได้ดูข่าวทางนี้ ไม่ว่าจะเป็น FOX หรือ ABC News ชาวต่างชาติทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันค่ะ ว่าคนไทยมีความใจประเสริฐมากๆ จนดิฉันอดไม่ได้ค่ะ ที่จะตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อบอกให้เพื่อนๆ หรือประชาชนคนไทยทุกคน ที่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้รับทราบ
    พวกเขาบอกว่า ถึงแม้จะเศร้ากับเหตุการณ์นี้ แต่ก็ดีใจที่มาประสบเหตุการณ์นี้ที่เมืองไทย เพราะถ้าพวกเขาเกิดไปติดที่ประเทศอื่น อาจจะไม่ได้รับการช่วยเหลือที่มากมายล้นหลามอย่างนี้

    มีฝรั่งอยู่คนหนึ่งค่ะ บอกว่าได้วิ่งหนีคลื่นมากับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยคนอื่นๆ ตัวเค้าเองขึ้นไปยืนอยู่ข้างบนได้แล้ว และเห็นคนไทยคนหนึ่งที่วิ่งขึ้นมาด้วยกัน กำลังพยายามเอื้อมมือไปคว้า ดึงลูกชาย อายุประมาน 10-12 เห็นจะได้ ให้ขึ้นมาให้ได้ แต่คลื่นก็ซัดลงมาทำให้ลูกชายของเธอหลุดมือ และถูกดูดกลับไปทางทะเลต่อหน้าต่อตา ..แน่นอนค่ะเค้าบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องแทบเสียสติ แต่ฝรั่งคนนี้ก็เข้าไปปลอบค่ะ ว่าหลุดจากตรงนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตาย อาจมีคนช่วยเค้าไว้ได้ สักพักหนึ่งผู้หญิงคนนี้ก็สงบลง และหันไปช่วย นักท่องเที่ยวคนอื่นๆค่ะ ที่บางคนบาดเจ็บ หรือบางคนกำลังปีนขึ้นมาก่อนที่คลื่นระลอก 2 จะมา
    ฝรั่งคนนี้นั่งมองเธออย่างประหลาดใจ ที่เธอ ช่วยเหลือคนอื่นอย่างทุ่มเทมากๆ จนเขาบอกเธอว่า พักก่อนเถอะ แต่ผู้หญิงคนนี้บอกว่า ไม่หรอก คนบาดเจ็บมีเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา แล้วเธอก็ถามฝรั่งคนนี้กลับว่า แล้วคุณล่ะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
    แน่นอนค่ะ เขาเล่าว่า เขาถึงกับตะลึง พูดไม่ออก ในใจรู้สึกพองโต ไม่คิดเลยว่าคำพูดนี้ จะออกมาจากปากของผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ ที่พึ่งพรากกับลูกชายไปเมื่อกี๊ แต่ตอนนี้เธอเข้มแข็ง และจิตใจประเสริฐมาก
    และยิ่งไปกว่านั้น ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงไทยคนนี้คนเดียว ที่ช่วยคนเจ็บ เขาบอกว่า คนไทยที่ขึ้นไปอยู่บนเขานั้น ช่วยเหลือกันทุกคน ให้คนแก่/คนเจ็บขี่คอ โดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แบ่งน้ำกันกินคนละอึก ส่งต่อๆกัน จากมือต่อมือ จากปากต่อปาก
    ฝรั่งอีกคนเล่าค่ะ ว่าหลังจากพวกเขาลงมาที่จุดพักผู้ประสบภัยแล้ว ปรากฎว่าอาหารขาดแคลนมากค่ะ มีชาวบ้านคนหนึ่ง เป็นยายแก่ๆค่ะ เดินหอบมะละกอมาตะกร้านึง แล้วค่อยๆปอกมันออก มือของเธอเหี่ยวและเปื่อยมากค่ะ คงเป็นเพราะยางจากมะละกอ แต่เธอก็ไม่บ่นซักคำ นั่งปอกต่อไป ทีละชิ้นๆ ด้วยดวงตาที่ใจดีมาก และเธอก็ส่งเสียงเรียกเชิญชวนทั้งชาวไทยบอกต่อๆไปยังชาวต่างชาติที่ประสบภัย ให้มาหยิบไปทานกันค่ะ คนเล่าบอกว่า ถึงแม้ว่ามันจะไม่อิ่มท้อง แต่ยายคนไทยคนนี้ก็ได้เติมใจของทุกคนที่อยู่ที่นั่น ถึงแม้บางคนจะไม่ได้กิน แต่ทุกคนก็อิ่มใจกันมาก ข่าวนี้ฝรั่งคนเล่าร้องให้ออกมาเลยค่ะ
    ยังไม่รวมไปถึง เรื่องที่นักข่าวคนนึงพูดถึง คุณลุงอีกคน ที่เมื่อรู้ว่าลูกและเมียหายไปกับคลื่น ก็ได้เดินเท้าขึ้นไปทางเหนือไปหาญาติอีกเขตนึง 1 วัน 1 คืน และช่วยกันทำอาหารกล่อง กันทั้งคืน พอรุ่งเช้าก็ให้รถรับจ้างเอาอาหารใส่รถ ลงมาที่จุดพักประสบภัย คุณลุงทำอย่างนี้ 3-4 รอบค่ะ เค้าบอกว่าคุณลุงคนนี้จะไม่พูดอะไรกับใครค่ะ มีแต่สายตาที่เศร้าสร้อย พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาตลอดเวลา
    และทุกครั้งที่พวกเขาหยิบของ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ของเครื่องใช้ ขึ้นมาใช้แต่ละชิ้น ในใจมันก็ชื่นใจ และเปี่ยมไปด้วยสุข ที่มันเกิดขึ้นในใจ แม้จะเป็นของเล็กน้อย ของมือสอง แต่มันมีก็ประเมินค่าได้สูงมากต่อจิตใจ และเขาก็ไม่ลืม ที่จะขอพรให้กับผู้ที่บริจาคของมาให้พวกเขา ว่าท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐมาก
    ขณะนี้ ชมรมคนไทยที่นี่ก็ได้ตั้งมูลนิธิ ช่วยกันบริจาค ทั้งเงินและของแล้วค่ะ (แต่เน้นเงินมากกว่า เพราะมันแปลงเป็นอะไรได้เยอะ และง่ายต่อการส่งไป) ทุกคนที่งานก็มีแต่คนแสดงความห่วงใย และเป็นห่วงผู้ประสบภัยมากๆ
    ที่งาน มีฝรั่งคนนึงค่ะ พูดขึ้นมาว่า
    "อาวุธที่ร้ายแรงของคนไทย คือความสามัคคี"
    ทุกคนที่ได้ยิน ยืนน้ำตาซึมเลยค่ะ
    ดิฉันแค่อยากจะฝากบอกสำหรับผู้ที่บริจาค และช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกท่าน ว่าคุณสุดยอด ขอให้คุณรู้ว่าทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะมากมายหลายบาท ไม่ว่าจะ หยดเลือด ของใช้ หรือจะแค่เงิน 1 บาทที่คุณให้เค้าไป มันถึงเค้าค่ะ มันถึงเค้าจริงๆ ถึงไปถึงหัวใจเลยค่ะ
    มันแสดงให้ถึงว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น คนไทยก็ยังไม่ทิ้งกัน ซ้ำยังช่วยอย่างสุดๆเลยค่ะ
    ถึงตอนนี้ ดิฉันก็ยังติดตามข่าวอยู่ตลอด เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ช่องนี้หมดข่าวก็เปลี่ยนไปช่องอื่น ้ถ้าไม่มีมันใจร้อน ก็ต้องเปิด tv online ดูทางนี้แหละค่ะ
    ดิฉันขอให้ผู้ที่เสียชีวิตไปสบายสู่สุขคติ ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องอยู่ต่อไปแบบคนมีชีวิตค่ะ ยังมีคนที่ต้องการคุณนะคะ คุณเป็นคนพิเศษที่โชคดีกว่าคนอื่นมากค่ะ
    ขอทุกคนให้รักกันมากๆนะคะ

    คำตอบ

     

          ข้อเขียนชุด "จดหมายถึงนาย" มี 3 ตอน คอนที่ ๑ คือ "จดหมายถึงนาย"  ตอนที่ ๒ คือ "จดหมายจากนาย" และตอนที่ ๓ คือ "คำขอครั้งสุดท้าย"  click เข้าไปดูใน คอลัมน์ "จดหมายถึงนาย" ก็จะพบทั้ง ๓ ตอน  บทความนี้เป็นการรวบรวมสิ่งที่ชวนให้คนไทยได้ "สติ"  ผู้เขียนจึงเขียนในทำนองถากถาง ซึ่งไม่ได้แปลว่าคนไทยทุกคนเป็นอย่างที่เขาเขียนไว้

     

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    3 มกราคม 2548