ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    012705 ควรเชื่อถือในความสุจริตในเบื้องต้นได้ผู้น้อย16 ธันวาคม 2547

    คำถาม
    ควรเชื่อถือในความสุจริตในเบื้องต้นได้

    เรียน ท่านมีชัย ที่เคารพ

    สมมุติฐานที่ว่า "คณาจารย์นั้น เป็นคนที่ควรเชื่อถือในความสุจริตในเบื้องต้นได้" ของท่านนั้น คณาจารย์น่าจะภาคภูมิใจและรักษาไว้ซึ่งคุณสมบัตินี้(ถ้ามี) แต่หากจะพิจารณาจากข้อสังเกตุที่ว่า คณาจารย์นั้นขาดโอกาสที่จะได้รับการอบรมบ่มนิสัยในระหว่างช่วงที่ยังเป็ยผู้น้อย เพราะอยู่ในสถานะที่สังคมให้ความเคารพเชื่อถือนับแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นอาจารย์ โอกาสที่จะได้รับการฝึกฝนให้รู้จักเสียสละอันเป็นคุณลักษณะของผู้นำที่ดีก็มีน้อย ดังนั้นเมื่อมีอำนาจหรือโอกาสขึ้นมา จึงเห็นเป็นภาพว่ากระทำเพื่อตนเองมากเกินไป สิ่งเหล่านี้ทำให้สังคมของคณาจารย์มักจะถูกแบ่งแยกออกเป็น ๒ ส่วนคือสังคมของผู้บริหาร และสังคมของผู้ทำงานสอนและวิจัย ในกลุ่มหลังจะมีความรู้สึกว่าพวกกลุ่มแรกจะต้องถูกตรวจสอบมากหน่อย การกระทำใดที่ไม่ชัดเจนในกระบวนการ จะถูกมองว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบไม่ควรได้ ระเบียบที่เน้นความสะดวกสบายจะต้องให้เห็นชัดเจนว่าในทุกๆ กระบวนการสามารถตรวจสอบได้ชัดเจน แต่แนวคิดนี้จะเป็นจริงไม่ได้ หากผู้บริหารปฎิเสธหรือไม่จริงใจที่จะให้รายละเอียดในกิจกรรมที่ได้กระทำออกไป ความยุ่งยากในระบบราชการเดิมนั้นก็มีเหตุผลจากความต้องการข้อมูลไว้เพื่อการตรวจสอบทั้งสิ้น ดังนั้นรูปแบบใหม่ที่ต้องการทั้งความสะดวกและความโปร่งใสจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของผู้กำหนดกฎอย่างมาก หากสมมุติฐานที่ตั้งไว้เพื่อการนี้ไม่ครอบคลุม กฎระเบียบที่วางขึ้นน่าจะเป็นต้นเหตุของปัญหาได้ ผมยังมีความเชื่อว่า คณาจารย์ก็เป็นเพียงปถุชนธรรมดา ที่มีทั้งส่วนดีและส่วนด้อยในสังคมนี้ ผู้ออกกฎระเบียบทั้งหลายจะต้องพิจารณาตามความเป็นจริงของมนุษย์

    อย่างไรก็ตามในฐานะที่ท่านเป็นผู้ใหญ่ในสังคมนี้ ผู้น้อยในสังคมนี้ (ตอนนี้มีหลายคนแล้วครับ) ขอเรียนขอคำแนะนำจากท่านในวิถีคิดของผมข้างต้นด้วย เผื่อว่าชีวิตในสภาพผู้น้อยจะได้มีความสุขเพิ่มขึ้นบ้าง

    ขอแสดงความนับถือจากใจจริง

    ผู้น้อย

    คำตอบ

    เรียน ผู้น้อย

     

           ข้อเท็จจริงที่คุณว่ามาเกี่ยวกับสภาพของอาจารย์เมื่อเริ่มเข้ามาสู่ระบบของมหาวิทยาลัยนั้น เป็นข้อมมูลใหม่ที่น่าคิด และต้องยอมรับตามตรงว่า ผมไม่เคยคิดมาก่อน ได้แต่สงสัยอยู่ตลอดเวลาว่าเหตุใดสังคมของอาจารย์ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงความรู้เป็นส่วนใหญ่ ทำไมจึงมีสภาพอย่างที่เป็นอยู่  และเท่าที่เห็นมานั้น สังคมถูกแยกออกเป็น ๒ ส่วน คือ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายคณาจารย์ จริงอยู่อย่างที่คุณว่า  และได้สังเกตเห็นด้วยว่า ในระหว่างที่เป็นคณาจารย์นั้น ก็จะระแวงฝ่ายบริหาร และมองว่าฝ่ายบริหารทำอะไรไม่ค่อยจะถูกนัก  แต่ในขณะเดียวกัน ก็พยายามที่จะเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารแทน หรือมิฉะนั้นก็หาคนที่ตนนึกว่าจะดีกว่ามาแทน  แต่ครั้นเมื่อถึงคราวเปลี่ยนผู้บริหาร คณะที่เข้ามาใหม่ ก็จะทำอย่างเดียวกัน หรือบางทีก็มากกว่า และที่สำคัญคณาจารย์ที่ยังไม่ได้เข้ามาเป็นฝ่ายบริหาร ก็จะมองฝ่ายบริหารอย่างเดิม

            การออกกฎใด ๆ ในมหาวิทยาลัย ที่ผ่านมา ได้ใช้วิธีการของระบบราชการ (เพราะมหาวิทยาลัยก็อยู่ในระบบราชการ) การตรวจสอบจึงเป็นไปในลักษณะ ตรวจสอบก่อน และทำทุกขั้นตอน และเมื่อทำถูกขั้นตอนแล้วหากมีความเสียหายเกิดขึ้น ก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ เพราะถือเอา "การทำถูกต้องตามระเบียบ" คือ "ความสัมฤทธิ์ผล"  ในยุคที่ราชการเป็นใหญ่นั้น การทำเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะทุกฝ่ายต้องอดทนรอจนกว่ากระบวนการของราชการจะได้รับการปฏิบัติอย่างครบถ้วน   แต่ยุคสมัยนี้ "ราชการ" มิได้เป็นใหญ่อีกต่อไปแล้ว แนวคิดได้เปลี่ยนเป็น การแข่งขัน การทำให้ประชาชนสมประสงค์ และผลสัมฤทธิ์ของการทำงาน อยู่ที่ผลสำเร็จของงานมากกว่า "เพียงทำตามระเบียบ" การปฏิบัติรูประบบของราชการ (ซึ่งรวมทั้งมหาวิทยาลัยด้วย) จึงต้องดำเนินการให้สอดคล้องกัน  ถ้าเราไม่สามารถวางใจ "คนในระบบ" ได้บ้างเลย ทุกอย่างต้องมีการตรวจสอบล่วงหน้า ย่อมยากที่จะทำงานให้เกิดผลสำเร็จได้  แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า การตรวจสอบ จะไม่มี  เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบของการตรวจสอบไปบ้าง จากการที่ข้าราชการไม่ต้องคิดอะไรเลย เพียงแต่ทำให้ถูกต้องตามระเบียบก็เพียงพอแล้ว เป็นว่า ข้าราชการจะต้องรับผิดชอบในผลที่เกิดขึ้นด้วย การตรวจสอบจึงอยู่ที่ผลสำเร็จของงาน มากกว่าการวางระเบียบให้เคร่งครัดจนกระดิกตัวไม่ได้

     

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    16 ธันวาคม 2547