ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    012440 ประชาพิจารณ์บุญร่วม16 พฤศจิกายน 2547

    คำถาม
    ประชาพิจารณ์
    บ่อยครั้งที่พบว่าการทำประชาพิจารณ์เป็นปัญหา และไม่เป็นที่ยอมรับของฝ่ายประชา เมื่อเสร็จสิ้น ก็ยังเป็นเรื่องร้องเรียนกันต่อไป เช่นการทำประชาพิจารณ์แบบรวบรัด การไม่รับฟังความเห็นที่แตกต่างกันเลยแม้สักอย่างเดียว การขู่เข็ญว่าจะฟ้องร้อง การข่มขู่ผู้แสดงความเห็นแตกต่าง การโกหกหลอกหลวงว่าผู้ฟังเห็นด้วยหมดแล้ว การหลอกบังคับให้เซ็นเอกสารต่างๆว่าเห็นด้วย ฯลฯ ทั้งหมดนี้เพียงเพื่ออ้างว่าได้ทำประชาพิจารณ์แล้วตามขั้นตอน แต่ก็ยังเกิดเหตุวุ่นวายซำแล้วซำเล่า ทั้งนี้เพราะว่าผู้จัดทำไม่มีเจตนาจะจัดฟังประชาพิจารณ์อย่างแท้จริง เรื่องโกลาหลวุ่นวายเลยไม่จบ แม้จะอ้างว่าจัดแล้วกี่ครั้งก็ตาม ก็ไม่ได้ผลเป็นที่ยอมรับ การมีส่วนร่วมไม่เกิด ความสมานฉันท์แตกร้าวกันไปใหญ่ เพราะความไม่จริงใจและไม่มีฝีมือ จะทำอย่างไรกับปัญหาอย่างนี้ หลักในการทำประชาพิจารณืที่ดีเป็นอย่างไร อยากให้ท่านลองจัดทำประชาพิจารณ์ที่ดีให้เห็นเป็นตัวอย่างสักครั้ง
    คำตอบ
    การทำประชาพิจารณ์ เป็นตัวอย่างหนึ่ง ของการลอกเลียนแบบมาจากตะวันตก โดยสังคมไม่มีความพร้อม คำว่าสังคมในที่นี้ หมายถึงทั้งสังคมในภาครัฐและภาคประชาชน เพราะการประชาพิจารณ์ คือ การ รับฟังความคิดเห็นอย่างมีเหตุมีผลของกันและกัน ก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยทุกฝ่ายต้องมีจิตสำนึกอย่างน้อย ๓ ประการ คือ 1. ความรับรู้ในประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน 2. ต่างฝ่ายต่างมีลักษณะเปิดใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น แม้ทั้งที่ตรงข้ามกับความคิดเห็นของตน และพร้อมที่จะรับรู้และวิเคราะห์ถึงเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่ง และพร้อมที่จะปรับความคิดเห็นตามเหตุผลที่ดีงาม 3. มีพื้นฐานของการรับรู้ถึงสิทธิที่ควบคู่กับหน้าที่ ถ้านำหลัก ๓ ประการดังกล่าวไปจับกับเรื่องใด ๆ ที่เคยมีการทำประชาพิจารณ์กัน ก็จะพบว่า มันจบเสียตั้งแต่เริ่มต้น ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายรัฐตัดสินใจทำการสิ่งหนึ่งใดแล้ว ในขณะเดียวกันฝ่ายประชาฃน ก็ตัดสินใจไม่ยอมให้ทำเสียตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้น เมื่อมีการเปิดประชาพิจารณ์ ฝ่ายรัฐก็พยายามจะชี้แจงข้อมูลเบื้องต้น และเหตุผลที่จะทำภารกิจนั้น ส่วนผู้ร่วมประชาพิจารณ์ ก็โห่ฮาป่า เพราะไม่อยากฟัง อยากแต่จะเสนอว่า เรื่องที่จะทำนั้นไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุใด เมื่อมีการทำประชาพิจารณ์ จึงไม่มีใครฟังใคร ในที่สุดผลที่หวังว่าจะได้จากประชาพิจารณ์ จึงไม่เกิดขึ้น เพราะการประชาพิจารณ์นั้น นอกจากจะรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการตัดสินใจแล้ว ในกรณีที่ประโยชน์ส่วนรวมมีน้ำหนักมากกว่าประโยฃน์ส่วนบุคคล รัฐก็ยังต้องมีหน้าที่แก้ไขความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ลุล่วงไป ตามที่ได้รับฟังมาจากการประชาพิจารณ์ อาจเป็นได้ว่า ในภาษาไทยเราไปเริ่มใช้คำว่า "ประชาพิจารณ์" เลยเกิดความคลาดเคลื่อน เพราะคำว่า "พิจารณ์" นั้นมาจาก "วิจารณ์" คนที่มาร่วมจึงอยากแต่จะ "วิจารณ์" โดยไม่ฟังข้อเท็จจริงก่อน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ท่านจึงบอกว่า อย่าไปทำเลย "ประชาวิจารณ์" น่ะ ให้ทำ "ประชาหารือ" แทน มีชัย ฤชุพันธุ์ 15 พ.ย. 2547
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    16 พฤศจิกายน 2547