ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
ค่าส่วนกลาง
ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
อ่านทั้งหมด
มุมของมีชัย
ถาม-ตอบ กับมีชัย
ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่
ส่งคำถาม
คำสำคัญ
ค้นหาใน
หัวข้อ & เนื้อหาคำถาม
ผู้ส่งคำถาม
เลือกประเภทคำถาม-ตอบ
>
การเมือง
|
กฏหมาย
|
เศรษฐกิจ
|
ทั่วไป
|
มรดก
|
แรงงาน
|
ท้องถิ่น
|
มหาวิทยาลัย
|
ราชการ
|
ครอบครัว
|
ล้มละลาย
|
ที่ดิน
|
ค้ำประกัน
|
22128 ค้ำ
|
archanwell.org
|
ล้างมลทิน
|
24687
|
hhhhhhhhhhh
|
คำถามทั้งหมด
... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม
ปิดหน้าต่างนี้
คำถามที่
หัวข้อคำถาม
โดย
วันที่
012376
กฎหมายกับปัญหาสังคมในมหาวิทยาลัย
ผู้น้อย
10 พฤศจิกายน 2547
คำถาม
กฎหมายกับปัญหาสังคมในมหาวิทยาลัย
เรียนท่านมีชัยที่เคารพ ขอขอบพระคุณใน ask00674 ครับ ในความรู้สึกลึกๆ ของกระผม คิดว่าการผลักดันในให้นักวิชาการหรือคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยปกครองกันเอง น่าจะเป็นเรื่องยาก ต่อให้เป็นคณาจารย์ที่สอนทางด้านปกครองด้วยซ้ำ ทั้งนี้เนื่องจากงานปกครองที่ดี จะต้องทำให้ผู้ถูกปกครองมีความรู้สึกว่าเป็นผู้รับ และฝ่ายปกครองเป็นผู้ให้เขาก่อน การสนับสนุนจึงจะเกิดขึ้นจากใจ แต่น่าเสียดายที่คณาจารย์หรือนักวิชาการที่ส่วนมากมีชีวิตเป็นผู้รับมาตลอด เมื่อเริ่มเข้าทำงานก็อยู่ในฐานะที่มีคนนับถือ เรียกว่าไม่เคยมีหัวหน้า ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นตัวอย่างการบริหาร ไม่ได้ฝึกฝนจิตใจ ความเป็นสุภาพบุรุษ (เรื่องความเป็นสุภาพบุรุษ ต้องขอยกให้นายทหาร เขาฝึกมาดี) การกล่อมเกลาจิตใจ ให้เป็นผู้ให้โดยสมัครใจ จากการตัวอย่างจึงมีน้อย ผลที่ออกมาก็คือ สังคมของคณาจารย์เองไม่สามารถไว้วางใจกันได้สนิทใจ การที่รัฐโอน (ผมรู้สึกว่า ถ้ามีถ่ายอำนาจด้วยการใตร่ตรอง เรียกว่าโอน นอกจากนั้นน่าจะเป็นการโยนอำนาจครับ) อำนาจให้ฝ่ายปกครองซึ่งถูกจำกัดให้อยู่ในวงจำกัดมาช้านานแล้วในมหาวิทยาลัย อาจทำให้ผู้ถูกปกครองรู้สึกว่าเป็นการโยนอำนาจ ทำให้เกิดการไม่ยอมรับ ผลพวงต่างๆ จากการปฏิบัติตนของฝ่ายปกครองจะถูกนำมาพิจารณาเฉพาะแต่เรื่องไม่ดี ในที่สุดก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ทุกคนก็มีสติปัญญาไม่น้อย แต่ถูกนำมาใช้เพื่อชัยชนะ (ไม่ได้แก้ปัญหาให้กับองค์กร) มันก็เป็นอย่างที่เห็นนะครับ ทุกๆ อย่างก็จะล่าช้าออกไปรวมถึงขั้นตอนในการปรับปรุงกฎหมาย เวลาระหว่างนั้นอาจมีการแก้ไขอีก (ด้วยเจตนาดีหรือฉกฉวยก็มีคนมองต่างกัน) นานวันเข้าก็เหมือนรถเก่าตกรุ่นที่มีปัญหาติดตัวมา หากนำออกมาวิ่งก็น่าจะพอวิ่งได้แต่ไม่น่าจะดีนัก อย่างไรก็ตามจากธรรมชาติของคณาจารย์ ผู้ซึ่งเคยชนะมาตลอดชีวิต ก็คงทนไม่ได้ที่จะต้องแพ้ เกิดความมานะที่จะผลักดันให้สำเร็จ ลืมนึกถึงข้อเท็จจริง ทำใจให้เป็นธรรม หันหน้ามาปรึกษาหารือหาทางออก แต่ตั้งป้อมเข้าหากัน ใช้เด็กเป็นเครื่องมือบ้าง ใช้เจ้าหน้าที่เป็นเครื่องมือบ้าง (รวมถึงใช้อาจารย์ด้วยกันเองด้วย) หาวิธีให้ความคิดของตนสู่ชัยชนะ ผมต้องกราบขอโทษท่าน ที่ได้แสดงความเห็นของตนเอง(ในเชิงลบ) ออกมาข้างต้น มากมายเช่นนั้น แต่ผมต้องการให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมของเราได้ข้อมูลนี้ ท่านเองก็เป็นความหวังหนึ่งของสังคมนี้ ผมไม่มั่นใจนักว่าปํญหาที่ผมคิดจะเป็นจริงในสายตาท่าน ดังนั้นจึงขอความคิดเห็นจากท่านว่ากฎหมายจะสามารถแก้ปัญหาสังคมในมหาวิทยาลัย ได้หรือไม่ และควรจะมีลักษณะเช่นไรครับ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง ผู้น้อย
คำตอบ
เรียน ผู้น้อย สิ่งที่คุณว่ามาก็น่าคิดอยู่ มีข้อน่าคิดเพิ่มเติมว่า องค์กรใดก็ตามที่สมาชิกขององค์กร มุ่งหวังแต่ประโยชน์ส่วนตนหรือความเด่นดังของตน โดยไม่นึกถึงองค์กร วันหนึ่งองค์กรนั้นก็ล้มหรือไม่ได้รับการยอมรับนับถือ และเมื่อถึงตอนนั้น ทุกคนในองค์กรไม่ว่าจะได้เพียรหาความเด่นความดังอย่างไร ก็พลอยล้มและไม่ได้รับการยอมรับนับถือไปด้วย ตรงกันข้าม ถ้าทุกฝ่ายพยายามสร้างสรรค์ด้วยความรักองค์กรเป็นปฐม ต่อไปชื่อเสียงขององค์กรนั้นก็จะโอบอุ้มสมาชิกทั้งที่ดีมากและดีน้อยให้พลอยมีหน้ามีตาไปด้วย มีชัย ฤชุพันธุ์ 9 พ.ย. 2547
มีชัย ฤชุพันธุ์
10 พฤศจิกายน 2547