ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
ค่าส่วนกลาง
ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
อ่านทั้งหมด
มุมของมีชัย
ถาม-ตอบ กับมีชัย
ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่
ส่งคำถาม
คำสำคัญ
ค้นหาใน
หัวข้อ & เนื้อหาคำถาม
ผู้ส่งคำถาม
เลือกประเภทคำถาม-ตอบ
>
การเมือง
|
กฏหมาย
|
เศรษฐกิจ
|
ทั่วไป
|
มรดก
|
แรงงาน
|
ท้องถิ่น
|
มหาวิทยาลัย
|
ราชการ
|
ครอบครัว
|
ล้มละลาย
|
ที่ดิน
|
ค้ำประกัน
|
22128 ค้ำ
|
archanwell.org
|
ล้างมลทิน
|
24687
|
hhhhhhhhhhh
|
คำถามทั้งหมด
... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม
ปิดหน้าต่างนี้
คำถามที่
หัวข้อคำถาม
โดย
วันที่
012364
วิธีการปรับปรุงคุณภาพการศึกษา
ผู้น้อย
9 พฤศจิกายน 2547
คำถาม
วิธีการปรับปรุงคุณภาพการศึกษา
เรียนท่านมีชัยที่เคารพ จากคำตอบ ask00568 นอกจากเรื่องเงินเดือนแล้ว ท่านยังให้ความเห็นถึงเรื่องมหาวิทยาลัยในกำกับด้วย เรื่องนี้น่าสนใจมากถึงประเด็นที่กำลังทำการปรับปรุงกฎหมายกันอยู่ คงเห็นพ้องกันแล้วว่ากฎหมายมหาวิทยาลัยเดิมมีปัญหา จะต้องทำการแก้ไข และการแก้ไขก็ควรจะมองเห็นได้ว่าจะทำให้มีการแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้ ซึ่งผมเคยฟังเหตุผลจากผู้รู้เรื่องนี้บางท่าน ว่ามีเรื่องใหญ่อยู่ 3 ประการ ข้อหนึ่ง คือเรื่องของความคล่องตัวในการบริหารงาน ข้อสอง คือเรื่องของคุณภาพการศึกษา และข้อสาม คือเรื่องค่าตอบแทนของคณาจารย์ (ข้อสามนี่ ผมว่าไม่ค่อยเข้าท่านัก) ในข้อหนึ่งนั้นน่าจะแก้กันทั้งระบบทั้งราชการ และไม่ใช่ราชการ หน่วยงานของรัฐน่าจะถูกปรับทั้งหมด เหลือเรื่องเดียวที่เป็นโจทย์ คือเรื่องที่สอง ในเรื่องนี้เราควรจะมีการปรับปรุงกฎหมายกันอย่างไร จึงจะทำให้คุณภาพการศึกษาดีขึ้น ในคำตอบที่ว่าจะต้องปรับเปลี่ยนให้มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับนั้น ท่านมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไรครับ ผมเคยอ่าน พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยในกำกับหลายแห่ง แล้วยังหาคำตอบไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากหน่วยงานของรัฐ ให้กับสภามหาวิทยาลัย หากท่านกรุณาโปรดชี้ประเด็นให้เห็นว่าคุณภาพของการศึกษาจะดีขึ้นได้อย่างไรครับ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง ผู้น้อย ป.ล. ผมขอร่วมประนามคณาจารย์ที่ให้ข้อมูลเท็จกับเด็กด้วยคนครับ
คำตอบ
เรียน ผู้น้อย ความจริงก็ควรแก้กันทั้งระบบของทางราชการ แต่ในชั้นที่มีการริเริ่มจะให้มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับนั้น ระบบราชการยังไม่ได้มีการปฏิรูป หากจะรอให้มีการปฏิรูประบบราชการทั้งระบบ ก็ไม่มีใครคาดได้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร คนคิดเขาเลยคิด (เอาเอง) ว่า มหาวิทยาลัยเป็นที่อยู่ของนักวิชาการที่ต้องการความอิสระ ความคล่องตัว จึงน่าจะทำที่มหาวิทยาลัยก่อน เพราะน่าจะมีความต้องการตรงกัน แต่ในความจริงกลับปรากฏว่า คณาจารย์เป็นจำนวนไม่น้อย เกิดติดยึดในระบบราชการอย่างถอนตัวไม่ขึ้น การดำเนินการให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบจึงทำได้ยากเย็นแสนเข็ญ และเมื่อถึงคราวดำเนินการกันจริง ก็กลับปรากฏว่าร่างกฎหมายของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ นั้น ไม่สามารถแหวกวงล้อมของความเคยชินที่มีกันอยู่ได้ ร่างกฎหมายที่เห็น ๆ จึงไม่ค่อยแตกต่างไปจากที่มีอยู่ นอกเหนือไปจากการถ่ายอำนาจจากทบวงไปเป็นของสภาฯ ซึ่งในหลาย ๆ มหาวิทยาลัยก็กลับปรากฏว่า สภาฯนั้นเองประกอบไปด้วยผู้ทำงานในมหาวิทยาลัยเป็นจำนวนไม่น้อย ซ้ำในร่างกฎหมายยังระบุไว้เสียด้วยซ้ำว่า ให้มหาวิทยาลัยมีอิสระในการบริหาร แต่ในด้านการเงินนั้นรัฐมีหน้าที่ต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ รัฐบาลไหนเห็นร่างอย่างนี้เข้า ก็ชักจะลังเลเหมือนกันว่า ในที่สุดก็จะกลายเป็นว่า ส่งเงินมาให้เพื่อจะได้ใช้จ่ายกันได้คล่องมือ มาถึงปัจจุบัน เห็นจะกล่าวได้ว่าจะไม่มีมหาวิทยาลัยไหนได้ออกนอกระบบได้ภายในสภาผู้แทนชุดนี้ ซึ่งจะหมดสมัยประชุมสุดท้ายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนั้น ความจำเป็นที่จะปฏิรูประบบในมหาวิทยาลัย ก็ดูเหมือนจะหมดความเร่งรัดไปแล้ว เพราะราชการส่วนอื่น ๆ เขาได้ปฏิรูปไปก่อนจนไกลกว่าที่เคยคิดกันว่าจะปฏิรูประบบในมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป อีกประการหนึ่ง ด้วยนโยบายของรัฐบาลภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ห้ามมหาวิทยาลัยบรรจุข้าราชการใหม่ หากแต่ให้บรรจุพนักงาน แทน เมื่อเวลาผ่านไป มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก็เริ่มจะมีพนักงานมากขึ้น ๆ และในอีก 1 - 2 ปีข้างหน้า พนักงานในมหาวิทยาลัยจะมีมากกว่าข้าราชการ บรรดาข้าราชการทั้งหลายก็จะกลายเป็นคนส่วนน้อย และจะถูกปกครองโดยพนักงานไปในที่สุด ซึ่งก็จะสมประโยชน์ของคนที่เขาคิดไว้ ในขณะเดียวกัน กฎหมายว่าด้วยการบริหารงานบุคคลในสถาบันอุดมศึกษา ที่เพิ่งจะออกมาใช้บังคับ ก็มีความก้าวหน้ากว่าแนวคิดในการร่างกฎหมายของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อย่างไม่เห็นฝุ่น แต่กฎหมายนั้นเป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อใช้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งหลาย โดยให้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ มาพ่วงใช้ไปด้วย เว้นแต่มหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบไปแล้ว จึงจะมีระบบของตนเองต่างหาก แต่ก่อนนั้น ทางราชการหวังว่าจะได้เห็นมหาวิทยาลัยออกนอกระบบราชการ เพื่อว่าจะได้เรียนรู้ข้อดีข้อเสีย และข้อบกพร่อง จะได้นำไปแก้ไขให้กับส่วนราชการ แต่มาปัจจุบันนี้แนวคิดของระบบราชการดูเหมือนจะเป็นตรงกันข้าม เพราะเขาใช้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีความพร้อม เป็นตัวนำในการออกนอกระบบ ซึ่งเริ่มมาแต่การเปลี่ยนส่วนราชการเป็นองค์การมหาฃน เพิ่มประเภทข้าราชการให้เป็นพนักงานราชการ เพื่อจะได้จ้างคนที่มีคุณวุฒิและมีความรู้ที่ต้องการด้วยเงินเดือนสูง ๆ แข่งกับตลาดได้ และในขณะนี้กำลังเริ่มหน่วยงานอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า หน่วยบริการพิเศษ โดยเปลี่ยนหน่วยราชการให้เป็นหน่วยบริการพิเศษ มีระบบการทำงานของตนเอง สามารถหารายได้โดยไม่ต้องส่งเงินเข้าคลังทันทีได้ หน่วยงานเหล่านี้จะกลายเป็นต้นแบบ เพื่อนำไปใช้กับส่วนราชการอื่น ๆ ในอนาคต โดยไม่ต้องพึ่งต้นแบบจากมหาวิทยาลัยอีกต่อไป มีชัย ฤชุพันธุ์ 8 พ.ย. 2547
มีชัย ฤชุพันธุ์
9 พฤศจิกายน 2547