ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    012058 ความพยายามให้เกิด อุเบกขาผู้น้อย28 กันยายน 2547

    คำถาม
    ความพยายามให้เกิด อุเบกขา
    เรียน ท่านมีชัย ที่เคารพ ผมได้ติดตามอ่านคำตอบจากคอลัมน์นี้มาได้ระยะหนึ่ง ทำให้ผมได้รับความรู้มากขึ้น แต่อีกมุมหนึ่งผมพบว่ากฏหมายต่างๆ ที่วางไว้เพื่อเป็นกติกาในสังคมนั้น มันไม่ได้มีไว้เพื่อผดุงความยุติธรรมทั้งหมด แต่มีไว้เพื่อเป็นเครื่องมือของผู้ปกครองที่ต้องการให้สังคมเป็นไปอย่างที่ฝ่ายปกครองต้องการ ที่ผมกล่าวเช่นนี้ ก็พยายามอยู่ที่จะทำให้เกิด อุเบกขา ในใจของผู้ที่ถูกปกครองขึ้นบ้าง การได้มาซึ่งคณะบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ปกครองเรานั้นสำคัญมาก แต่ท่านผู้รู้มีประสพการณ์ทั้งหลายมักจะปฏิเสธวิธีการเลือกตั้ง และพยายามใช้วิธีการสรรหาที่คิดสรรกันขึ้นมาแสดงให้สังคมเห็นว่าเป็นธรรม แต่ในทางปฏิบัติจริงก็ยังทำให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมได้เสมอ การตีความตามกฏกติกาที่วางไว้ ก็ขอให้ตรงใจฝ่ายผู้ถืออำนาจไว้ก่อนเป็นสำคัญ ยามใดที่ประชากรเผลอ ก็ออกกฏกติการเอื้อประโยชน์พรรคพวกฝ่ายผู้ปกครอง บางครั้งบางคราวก็เผลอใช้อำนาจเกินเลยไป จนเข้าข่ายหน้าด้าน(ตามความรู้สึกของผู้ถูกปกครอง) ผมเองรู้สึกไม่ค่อยดีเลย ที่ต้องมารู้สึกแบบนี้ อยากให้ท่านช่วยสร้างความเข้าใจในวิธีการใช้กฏหมายในสังคม และหากผมเข้าใจอะไรผิดขอความสว่างด้วยครับ เพราะจะพยายามทำให้เกิด อุเบกขา ในขณะที่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ หรือ ถูกรังแก อยู่แบบนี้ มันยากเกินไป ด้วยความเคารพอย่างสูง ผู้น้อย
    คำตอบ
    เรียน ผู้น้อย กฎหมายหรือกฎกติกานั้น มีไว้เพื่อความผดุงความยุติธรรมแก่สังคม หรืออย่างน้อยก็มีเจตนาที่จะจัดให้มีขึ้นเพื่อผดุงความยุติธรรม โดยเป็นเครื่องมือของผู้ปกครองในการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่สังคม โดยมีสมมุติฐานว่า ผู้ปกครองต้องมีจิตวิญญาณและสำนึกในการให้ความเป็นธรรมแก่สังคม แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง บางครั้งบางคราวประชากรก็มิได้โชคดีที่จะมีผู้ปกครองตามสมมุติฐานนั้น เมื่อใดที่ผู้ปกครองมิได้เป็นไปตามสมมุติฐาน ความไม่เป็นธรรมก็ย่อมเกิดขึ้น และกฎหมายหรือกติกาก็อาจถูกใช้ไปในทางที่เป็นพิษเป็นภัย หรือสร้างความเดือดร้อนให้เกิดแก่ประชาชนได้ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุเช่นนั้นขึ้น ก็จะโทษใครไม่ได้ เพราะยังมีสมมุติฐานอีกประการหนึ่ง คือ ประชาชนเป็นผู้เลือกผู้ปกครอง ประชาชนย่อมต้องเลือกคนดีมีคุณธรรม มีความเป็นธรรม เข้ามาเป็นผู้ปกครองตน ถ้าเมื่อไรประชาชนเลือกโดยไม่ระมัดระวัง หรือเลือกโดยอามิสสินจ้าง หรือเห็นแก่พรรคพวก เพื่อนพ้อง และได้ผู้ปกครองที่ไม่ดี ประชาชนก็ย่อมต้องเดือดร้อนจากผลการกระทำของตนเอง ที่ผ่าน ๆ มา แนวคิดของนักกฎหมายนั้นค่อนข้างจะไว้วางใจในรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่าจะไม่ใช้อำนาจให้เกิดความเดือดร้อนแก่คนทั่วไป แต่ประสบการณ์ได้ชี้ให้เห็นว่า การไว้วางใจเช่นนั้น ได้นำความเดือดร้อนมาสู่ประชาชนอย่างคาดไม่ถึง แม้จะไม่ถึงกับเป็นไปในทุกกรณี แต่การสร้างความเดือดร้อนเป็นครั้งคราว ตามอัตตวิสัยของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ความเดือดร้อนนั้นบางทีก็รุนแรงได้ นักกฎหมายส่วนหนึ่งจึงเริ่มระมัดระวังในการสร้างอำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ก็ไม่ใช่จะทำได้ง่ายนัก เพราะคนที่มีอำนาจก็ดี คนทั่ว ๆ ไปก็ดีจะไม่ค่อยเห็นถึงภัยอันตราย จนกว่าจะโดนเข้ากับตัวเอง หรือพวกพ้อง การกำหนดที่มาขององค์กรสำคัญ ๆ ที่ให้มาจากการสรรหา แทนการเลือกตั้ง ก็เพราะ ความรับรู้ในความสำคัญของการเลือกตั้งของคนไทยยังไม่ถึงขนาดที่จะให้เลือกคนที่มาทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงที่สำคัญ ๆ เพราะส่วนใหญ่คนไทยยังไปลงคะแนนด้วย "อารมณ์" มากกว่ามีเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน การซื้อเสียงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะให้ได้รับเลือกตั้ง จริงอยู่ในปัจจุบันเราอาจจะไม่ค่อยได้ยินได้ฟังถึงการซื้อเสียงในการเลือกตั้งระดับชาติ แต่ก็ยังได้ยินได้ฟังอย่างเต็มหูถึงการซื้อเสียงในระดับล่าง สำหรับในระดับชาตินั้นก็มิใช่ว่าการซื้อเสียงจะหมดไปโดยสิ้นเชิง หากแต่เป็นเพราะกลไกในการซื้อเสียงได้รับการพัฒนาไปในรูปแบบที่ยากต่อการค้นพบหรือหาใบเสร็จมาแสดงได้ โดยใชัวิธีให้ประโยชน์ตอบแทนในรูปแบบอื่น ขบวนการในการสรรหาเป็นวิธีที่นักคิดทั้งหลายเขาคิดออก แม้จะไม่ดีที่สุดแต่เขาคงคิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าการให้ไปเลือกตั้งโดยตรง แต่ที่เกิดเหตุเป็นที่ครหานินทากันอยู่ร่ำไป ก็เพราะกลไกที่กำหนดไว้นั้น เป็นกลไกที่คิดมาจากทฤษฎีที่ยังมิได้รับการปรับให้เข้าได้กับ "ค่าเฉลี่ย" ของคนไทย ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับคนยุโรปหรืออเมริกัน ในเรื่องการตีความกฎกติกานั้น มิใช่ว่าองค์กรที่มีอำนาจในการตีความจะตีโดยไม่มีหลักเกณฑ์ อย่างน้อยเขาก็ต้องมีหลักเกณฑ์ที่จะตอบตนเองได้ การจะไปกล่าวหาว่าเป็นการตี่ความเพื่อเอาใจใครเสียทังหมดน่าจะไม่เป็นธรรมแก่เขาเหมือนกัน บางทีถ้าลองนึกดูบ้างว่า ในขณะที่เราคิดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย และคิดว่าควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ ก็เพราะเรามิได้มีความรับผิดชอบหรือมีหน้าที่ที่จะต้องกระทำ เมื่อใดที่เราไปนั่งอยู่ตรงนั้น สิ่งที่เคยคิดไว้น่าจะเป็นอย่างนั้น ก็อาจเป็นอีกอย่างหนึ่งได้ ไม่ต้องดูอื่นไกล เวลาที่คนกลุ่มหนึ่งเป็นรัฐบาล ก็จะทำไปตามที่ตนคิดว่าดีที่สุด ในขณะเดียวกันคนที่ยังอยู่นอกรัฐบาล ก็จะเห็นว่าไม่ถูกต้อง น่าจะทำอีกอย่างหนึ่ง ครั้นคนกลุ่มหลังไปเป็นรัฐบาล ก็มักจะทำในทำนองเดียวกัน ทั้่งนี้ก็เพราะการทำอะไรด้วยความรับผิดชอบนั้น มักจะแตกต่างกับการวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์นั้นไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการกระทำ ครั้งหนึ่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการสรรหา กกต.ไม่ชอบ จนเป็นเหตุให้ กกต.ท่านนั้นต้องพ้นไป คนทั่วไปไม่รู้สึกอะไรนัก เพราะบังเอิญในขณะนั้นคิดกันว่า กกต.เป็นพรรคพวกของรัฐบาล ผมเองได้ออกมาแสดงความเห็นถึงข้อขัดข้องต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากคำวินิจฉัย แต่ดูเหมือนสื่อทั้งหลายจะกลับเกรงไปว่าจะมีผู้ดึงดันไม่ยอมปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ (ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะทำเช่นนั้น เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดแจ้ง) เมื่อทุกฝ่ายเห็นดีเห็นงามกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในชั้นนั้น ข้อท้วงติงต่าง ๆ จึงไม่ได้รับการทบทวนจากศาลรัฐธรรมนูญเท่าที่ควร (ถ้าสนใจก็ลองเปิดเข้าไปดูคอมลัมน์"ความคิดเสรีของมีชัย" ในหัวข้อ "การปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ" ) มาคราวนี้จึงไม่ใช่เป็นของแปลกที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยทำนองเดียวกัน เพียงแต่คราวนี้เมื่อผลเกิดขึ้นกับคนที่ได้รับการยอมรับนับถือ จึงเกิดเอะอะกันขึ้น ซึ่งก็คงสายไปแล้ว ในยามที่ประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบ และมิได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเราที่จะดำเนินการ "อุเบกขา" และแนวคิดที่ว่า "มันเป็นของมันเช่นนั้นเอง" จึงเป็นทางออกทางเดียวที่จะทำให้พ้นทุกข์ได้ มีชัย ฤชุพันธุ์ 27 ก.ย. 2547
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    28 กันยายน 2547