ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
ค่าส่วนกลาง
ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
อ่านทั้งหมด
มุมของมีชัย
ถาม-ตอบ กับมีชัย
ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่
ส่งคำถาม
คำสำคัญ
ค้นหาใน
หัวข้อ & เนื้อหาคำถาม
ผู้ส่งคำถาม
เลือกประเภทคำถาม-ตอบ
>
การเมือง
|
กฏหมาย
|
เศรษฐกิจ
|
ทั่วไป
|
มรดก
|
แรงงาน
|
ท้องถิ่น
|
มหาวิทยาลัย
|
ราชการ
|
ครอบครัว
|
ล้มละลาย
|
ที่ดิน
|
ค้ำประกัน
|
22128 ค้ำ
|
archanwell.org
|
ล้างมลทิน
|
24687
|
hhhhhhhhhhh
|
คำถามทั้งหมด
... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม
ปิดหน้าต่างนี้
คำถามที่
หัวข้อคำถาม
โดย
วันที่
011984
โดนเชิดเงิน จากบุคคลซึ่งตัวเป็นทนายความ หลอกได้เนียน (เรื่องยาวมาก)
คุณแอล
22 กันยายน 2547
คำถาม
โดนเชิดเงิน จากบุคคลซึ่งตัวเป็นทนายความ หลอกได้เนียน (เรื่องยาวมาก)
อาจารย์คะหนูมีปัญหาจะปรึกษาค่ะ กลุ้มใจมาก ทุกอย่างเกิดจากความผิดพลาดของหนูเอง เพราะความไว้ใจคนง่ายนั่นแหล่ะค่ะ จนตัวเองโดนเชิดเงินเป็นแสนจากบุคคลซึ่งอ้างว่าตัวเองเป็นทนายซึ่งได้รู้จักทางอินเตอร์เน็ต เรื่องมีอยู่ว่าหนูฝึกทนายอยู่ที่สำนักงานแห่งหนึ่ง ตอนนี้สอบผ่านแล้วแต่ยังไม่ได้ไปลงทะเบียนขอใบอนุญาตเพราะคิดว่ายังไม่ได้ใช้ แล้วกะว่าจะไม่เป็นทนายแล้ว จะไปเปิดร้านเบอเกอรี่และเครื่องดื่ม เพราะคิดว่างานทนายยากเกินไปสำหรับหนู ที่นี่เจ้าของสำนักงานเค้ารับแต่คอนแทคใหญ่ เค้าคงไม่ไว้ใจให้หนูทำหรอกค่ะ แล้วหนูก็คิดว่าโอกาสที่จะได้ว่าความที่นี่แทบจะไม่มีเลย ก็เลยตัดสินใจจะไม่เป็นทนาย ซึ่งขณะนั้นที่สำนักงานต้องอินเตอร์เน็ตในการหาเสิร์ชหาข้อมูลต่าง ๆ และหนูก็ได้ใช้ แต่นอกจากนี้ก็ยังมีแช้ตทางอินเตอร์เน็ตด้วย ตอนนั้นเจ้านายก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งจริง ๆ แล้วการแช็ตไม่ค่อยมีผลอะไรสำหรับหนู เพราะก็จะแช้ตไปเรื่อย คุยกะใครก็ได้แต่ต้องใช้คำสุภาพ จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาหนูแช้ตเจอกะผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งปกติก็จะต้องถามว่าทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ ทำที่ไหน เรียนจบอะไร จบระดับไหน ซึ่งเป็นคำถามเบสิคอยู่แล้ว ซึ่งหนูก็ใช้ประโยคแบบนี้ถามเค้า เค้าก็ไม่ยอมบอกว่าทำงานอะไร บอกแต่ว่าพิมพ์งานอยู่ พอซักมาก ๆ เข้า เค้าถึงเปรย ๆ ออกมาว่าเค้าเป็นทนายที่ทำงานอยู่แถว ๆ ลาดพร้าว ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่เชื่อหรอกค่ะ ซึ่งเค้าก็ถามหนูเหมือนกันว่าจบอะไรมา ทำงานที่ไหน หนูก็ตอบตามความเป็นจริง เค้าก็จะถามอีกว่าได้ตั๋วทนายหรือยัง ช่วยเอาคดีจากเค้าไปทำหน่อย มีปัญหาอะไรให้โทรถาม และทุกครั้งที่ได้คุยกันเค้าจะย้ำถามเสมอว่า ได้ตั๋วทนายหรือยัง แช้ตกันอยู่หลายเดือน เพราะหลายวันมากกว่าที่เค้าจะมีเวลาออนไลน์ (ถ้าออนไลน์แล้วถึงคุยได้ค่ะ) เวลาคุยก็จะส่งรูปให้กัน พอได้คุยกันอีก หนูก็จะถามเค้าว่า"ไม่เห็นออนไลน์หลายวันเลยนะ" เค้าก็บอกว่าเค้าต้องว่าความไม่ค่อยมีเวลา บางทีต้องออกไปคอนแท็คกับลูกความบ้าง แต่หนูก็ยังไม่เชื่อว่าเป็นทนายอยู่ดี จนเค้าให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ เราก็ได้คุยกันทางโทรศัพท์ค่ะ ด้วยวิธีการและคำพูดต่าง ๆ ที่เค้าโชว์ออกมา ทำให้หนูเชื่อว่าเค้าเป็นทนาย เวลาคุยเค้าก็จะคุยถึงคดีที่เค้าเคยทำ วิธีปฎิบัติในศาล ซึ่งฟังดูแล้วก็น่าเชื่อถือ จนหนูไม่คิดถึงเบื้องหลังของเค้าว่าเป็นใคร เค้ายังย้ำกับหนูเสมอว่าคำพิพากษาฎีกาให้ติดตามอ่านเสมอ เราจะได้แนวคิดใหม่ ๆ แล้วก็ตอนเช้าก็ต้องติดตามข่าวสม่ำเสมอด้วย ช่วงประมาณซักกรกฎาคม และ สิงหาคม จะโทรหากันบ่อยมาก จนสนิทสนมคุ้นเคยกัน และมีอยู่วันหนึ่งเค้าขอยืมเงินจากหนูจำนวนหนึ่ง หนูก็โอนให้เพราะความที่ไว้ในคนง่าย ต่อมาเค้าเอ่ยปากชวนหนูไปทำงานกับเค้า พร้อมทั้งขอให้ช่วยทำงานให้เค้าเรื่องหนึ่ง หนูก็ทำให้เสร็จเรียบร้อยดี เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้ค่าตอบแทน ซึ่งจริง ๆ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะยังไม่ได้ลาออกจากที่เก่า เค้าก็ขอเลขบัญชี ชื่อ สกุลของหนู เพื่อที่จะโอนเงินเค้าบัญชี และจะคืนของเก่าที่ยืมมาให้ด้วยแต่เค้าขอตัดเข้าสำนักงานเค้าจำนวนนึงก่อน และแล้วก็ไม่มีเงินโอนเข้าเลยค่ะ แต่ก็ยังติดต่อคุยกันอยู่ เค้าก็โทรมาหาประจำ หนูก็ยังไว้ในเค้าอยู่นะคะ เพราะด้วยวิธีการพูดของเค้า ทำให้หนูลืมไปว่าเค้าเป็นคนแปลกน่าที่ไม่น่าไว้ใจ และชะล่าใจว่าเค้ายังจะคืนเงินให้หนู พอต่อมาไม่นาน เค้าขอยืมเงินอีก 2 จำนวน ซึ่งรวมของเก่าด้วย เป็นแสนน่ะค่ะ และสัญญากับหนูว่าจะคืนให้ ในวันที่ 1 กันยา ที่ผ่านมานี่แหล่ะค่ะ พอวันที่ 31 สิงหา เค้าโทรมาหายืนยันกับหนูเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพรุ่งนี้จะจัดการโอนเงินคืนให้ทั้งหมด พอถึงวันที่ 1 ไปตรวจดูไม่มียอดเข้าเลยค่ะ พอโทรกลับไปหาเค้า เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะโอนคืนให้ไม่ต้องห่วง หนูย้ำกับเค้าว่าต้องโอนให้ด่วนนะ เพราะเงินต้องรีบใช้ จนกระทั่งวันที่ 3 ก็ยังไม่โอนให้ แต่ยังได้มีการติดต่อทางโทรศัพท์อยู่ตอนกลางคืนก็คุยกันมากเรื่องเงิน จนวันที่ 4 ก็แล้ว วันที่ 5 ก็แล้ว ซึ่งวันที่ 5 หนูยังติดต่ออยู่กับเค้าอยู่ จากนั้นขาดการติดต่อไป 2 วัน จนวันที่ 8 เค้าโทรเข้ามาถามว่า"เธอเป็นไงบ้าง โดนแม่ว่าหรือเปล่า เดี๋ยวยังไงเราโทรกลับหาเธอตอนกลางคืน ให้รอโทรศัพท์เราก่อนนะอย่าเพิ่งนอน" เชื่อไม่คะจากวันนั้นถึงวันนี้ เค้าไม่โทรกลับมาอีกเลยค่ะ หนูกระวนกระวายใจมาก เชิดเงินแสนหายไปเลย ที่สำคัญหนูไว้ใจเค้าเกินไป จนไม่เอะใจถามเค้าถึงชื่อเสียงเรียงนาม มีเพียงข้อมูลไม่กี่อย่างที่จะเจาะหาเค้าได้ แต่ก็คงไม่ถึงตัวเค้า อาจารย์คะ ตรงนี้อาจารย์มีความเห็นอย่างไร หนูควรทำอย่างไรต่อไป เบาะแสเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของเค้ามีส่วนนึง แต่หนูโพสต์บนนี้ไม่ได้ค่ะ อาจจะอันตรายเกินไป เพราะเค้ารู้จักหนูทั่งที่อยู่ชื่อ สกุล เค้ามีหมดเลยค่ะ เท่าที่รู้เค้าก็ใช้อินเตอร์เน็ตเหมือนกัน เกรงว่าเค้าจะเปิดมาเจอ เพราะคนคนนี้ฉลาดมากเลยค่ะ หลอกได้เนียนจริง ๆ อาจารย์ช่วยแนะนำหนูหน่อยเถอะนะคะ ข้อมูลบางอย่างหนูสามารถสืบหาได้ค่ะ แต่ขอให้อาจารย์ช่วยหาทางออกให้หนูหน่อยเถอะนะคะ ขอความกรุณาค่ะ ขออนุญาตไม่ออกนามจริงนะคะ
คำตอบ
ในตอนโอนเงินให้เขา ก็คงจะต้องรู้บัญชีและชื่อของเขา จากตรงนั้นคงพอจะสืบได้ ว่าเขาเป็นใครและทำงานที่ไหน แต่คุณก็เรียนก็หมายและฝึกเป็นทนายมาแล้ว ก็คงจะรู้ว่า การกู้มยืมเงินนั้นจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างไร จึงจะฟ้องร้องกันได้ ก็คงต้องไปสำรวจตรวจดูว่ามีหลักฐานอะไรพอที่จะใช้ได้บ้าง อย่างไรก็ตามเมื่อฟังจากที่คุณเล่ามา น่าจะสรูุปได้ว่าคุณเป็นคนใจอ่อนและเชื่อใจคนง่าย ด้วยคุณลักษณะเช่นนี้ การติตตามทวงถามหนี้รายนี้ต่อไป ก็น่าเป็นห่วงว่า ในที่สุดเงินก็จะยังไม่ได้คืน แต่อาจจะต้องเสียอะไร ๆ มากขึ้น เพราะฉะนั้นก็ต้องคิดดูให้รอบคอบว่า จะยอมเสียเงินจำนวนนั้นไป แล้วถือเป็นบทเรียนของชีวิต หรือจะติดตามเรื่องต่อไปและในที่สุดอาจจะต้องเสียมากกว่าเงิน เข้าทำนองเสียกำแล้วยังซ้ำเสียกอบ อย่าตอบตัวเองในทันทีว่าเรามั่นใจว่าจะไม่เสียอะไรอีก เพราะด้วยความใจอ่อนและเชื่อคนง่ายเช่นนี้ โอกาสที่จะเสียถึงตัวจะมีมาก ลองคิดดูง่าย ๆ ถ้าเขาโทรกลับมาหาด้วยอาการกระหืดกระหอบ บอกว่าที่หายไป เพราะแม่ต้องเข้าโรงพยาบาล พ่อเป็นมะเร็ง เขากำลังจะเข้าตาจนเพราะหาเงินไปรักษาพยาบาลพ่อแม่ไม่ได้ แล้วลองถามใจตัวเองว่า คุณจะยังกล้าทวงเงินเขาไหม เมื่อได้คำตอบแล้วก็จะรู้เองว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป มีชัย ฤชุพันธุ์ 19 ก.ย. 2547
มีชัย ฤชุพันธุ์
22 กันยายน 2547