ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    011908 ปํญหาที่ดินนนท์14 กันยายน 2547

    คำถาม
    ปํญหาที่ดิน
    เรื่องมีอยู่ว่า พ่อของผมครอบครองที่ดินอยู่แปลงหนึ่งเป็นสวนยางประมาณ 16 ไร่โดยที่ดินแปลงนี้มี นส3.ก เนื้อที่ 40 ไร่ ครอบครุมอยู่ ( หมายถึงว่า นส.3ก แปลงนี้แบ่งการครอบครองอยู่ 2 คน ) 1.พ่อของผม 16 ไร่ 2.น้องสาวพ่อ ( นางวัน ) 24 ไร่ นส.3ก 40 ไร่นี้ได้มาโดยนายกบ ( พ่อของพ่อผม )ซื้อมาจาก นายรัน ในราคาประมาณสามหมื่นกว่าบาท ( เมื่อประมาณ 30 ปี ก่อน )แต่ในการซื้อขายครั้งนั้นยังไม่ได้โอนชื่อมาเป็นชื่อนายกบ(ปู่)จากนั้นเป็นต้นมานายกบ(ปู่)ก็ให้พ่อผมทำกินในส่วนของสวนยาง 16 ไร่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้โดยในการทำกินนั้นได้แบ่งรายได้กับนายกบ(ปู่)มาโดยตลอดและนายกบ( ปู่ )ตกลงว่าจะยกที่ดินแปลงนี้ให้ในภายหน้า ( 16 ไร่ )ต่อมานายกบ(ปู่)ได้เสียชีวิตลง( เมื่อประมาณ 20 ปี ที่แล้ว )พ่อก็ยังคงทำกินในที่ดินแปลงนั้นอยู่ ( แต่ไม่มีใครคัดค้าน )และพ่อก็ได้ส่งเสียเลี้ยงดูย่ามาโดยตลอดแต่ต่อมาได้เกิดการเทลาะกันในหมู่พี่น้องของพ่อและได้ยุแหย่ให้ย่าบังคับเอาเงินจากพ่อ 40000 บาทโดยกล่าวหาว่าพ่อไม่ส่งเสียเลี้ยงดูเท่าที่ควร พ่อผมก็ต้องกู้เงินไปให้ย่าและมีการเขียนสัญากันว่าจะยกที่ดิน 16 ไร่นี้ให้พ่อโดยมีการพิมพ์ลายนิ้วมือย่าไว้ในสัญญาและมีการเซ็นพยานรับทราบ หลังจากนั้นไม่นานย่าก็เสียชีวิต ( เสียชีวิตแล้วประมาณ 15 ปี ) ตั้งแต่นั้นมาพ่อผมก็ทำกินในส่วนที่ดิน 16 ไร่นี้มาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ก็ให้ลูกๆทำกินต่อโดยไม่รู้เลยว่านส.3 ก นั้นอยูที่ไหนและเป็นชื่อของใคร( แบบว่าไม่เดือดร้อนก็ไม่สนใจ )แต่คิดว่า นส.3ก รั้นนางวันน้องสาวพ่อเป็นผู้เก็บไว้โดยไม่บอกพ่อ และเหตุการณ์ใหม่ก็เกิดขึ้นเมื่อประมาณกลางเดือน กรกฎาคม 2547 ที่ผ่านมา นางวันได้แจ้งให้พ่อผมทราบว่าที่ นส.3 ก แปลงนี้ได้เป้นชื่อของลูกสาวเขาแล้วถ้าพ่อผมต้องการแบ่งแยกส่วนของพ่อ 16 ไร่ก็ให้พ่อจ่ายเงินให้นางวัน 63000 บาทโดยให้จ่ายเงินที่บ้านเขาถ้าไปจ่ายกันที่อำเภอเขาไม่ตกลงโดยบอกว่าเป็นค่าเดินเรื่องในการโอนชื่อจากเจ้าของเดิม ( นายรัน )มาเป็นชื่อสามีนางวัน พ่อผมมาทราบข่าวภายหลังว่าทางที่ดินอำเภอได้ติดประกาศว่าสามีนางวันได้ขายที่ดินแปลงนี้ให้กับลูกสาว( ตัวเอง )ในราคา 30000 บาท โดยติดประกาศรอคัดค้านแต่พ่อมาทราบข่าวก็เลยกำหนดแล้ว จากากรสอบถามนางวันได้ความว่าทางเขาได้วิ่งเต้นเพื่อที่จะโอนชื่อผู้ครอบครอง นส.3ก แปลงนี้มาเป็นชื่อสามีเขาเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินหนึ่งแสนกว่าบาทโดยตลอดเวลานางวันไม่ได้บอกกล่าวเรื่องการดำเนินการวิ่งเต้นใดๆให้พ่อผมรู้เลย ซึ่งค่าใช้จ่ายที่บอกมาก็แพงเกินจริง( นาย นรัน คิดว่าภูมิลำเนาอยู่ กทม. ส่วนพ่อผมและ นางวัน อยู่ จ. กระบี่ )และมาเรียกร้องโดยไม่มีที่มาที่ไปและไม่เป็นธรรม ผมจึงอยากขอคำแนะนำในเรื่องนี้ว่าจะให้พ่อผมดำเนินการอย่างไรเพื่อที่จะได้แบ่งแยกที่ดิน 16 ไร่นี้เป็นชื่อพ่อ โดยไม่ต้องเสียเงินหกหมื่นกว่าบาทโดยไม่เป็นธรรม ปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่ดินเขาแนะนำให้จ้างทนายฟ้องร้อง ผมเลยอยากสอบถามท่านดังนี้ 1. การที่พ่อผมครอบครองที่ดินแปลงนี้มมาประมาณ 30 ปีตามเหตุการณืที่เล่ามานั้นพ่อผมจะมีสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนี้หรือไม่ 2. สัญาที่เขียนตกลงกับย่านั้นถือเป็นพินัยกรรมได้หรือไม่ 3. นายรันมีสิทธิในการโอนที่ดินแปลงนี้ให้สามีนางวันหรือไม่ในเมื่อเขาขายให้นายกบ ( ปู่ ) เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วและไม่มายุ่งเกี่ยวอีกเลย 4. สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างนางสามีนางวันกับลูกสาวนั้นขายกันในราคาต่ำเกินจริงนั้นเพราะอะไร ถูกกฎหมายหรือไม่ 5. การเรียกร้องเงินของนางวันนั้นผิดกฏหมายหรือไม่จะฟ้องข้อหาฉ้อโกงหรือกรรโชกทรัพย์ได้หรือไม่ 6. ถ้าจะดำเนินการฟ้องร้องจะดีหรือไม่ ( เพราะตกลงกันไม่ได้ )จะคุ้มค่ากว่าการจ่าย 63000 บาทหรือไม่ 7. มีหน่วยงานไหนบ้างที่เจรจาไกล่เกลี่ยหรือมาเป็นคนกลางในการตัดสินโดยยังไม่ต้องจ้างทนาย ( เพราะพ่อผมฐานะยากจน ) 8. ในกรณีแบ่งแยกกันได้ต้องมีค่าใช้จ่ายหรือไม่ 9. ในกรณีนี้พ่อผมสามารถขอทนายความอาสาได้หรือไม่ ขอขอบพระคุณอย่างสูง
    คำตอบ
    1. ได้สิทธิมาโดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว 2. ไม่เป็นพินัยกรรม เป็นเพียงหนังสือจะยกให้ซึ่งก็ไม่มีผลอะไรเพราะไม่ได้จดทะเบียนไว้ 3. ที่ดินที่มี นส.3 เป็นเพียงสิทธิครอบครอง เมื่อขายให้นาย กบ และสละสิทธิการครอบครองแล้ว นายรันย่อมไม่มีสิทธิในที่ดินนั้นอีก การขายจึงขายในสิ่งที่ตนไม่มี 4. ไม่ถึงกับเป็นการผิดกฎหมาย แต่การซื้อขายกันในราคาถูก อาจเป็นการอำพราง คือ ไม่มีการซื้อขายจริง ซึ่งจะมีผลดีต่อคุณ 5. เขาไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินจากคุณ 6. คงหนีไม่พ้นที่จะต้องฟ้องร้อง 7. ไม่มี 8. อาจมีค่าใช้จ่ายในการรังวัด ส่วนจะเป็นเท่าไร คงต้องไปถามที่เจ้าหน้าที่ที่ดิน 9. ลองขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความหรืออัยการดู มีชัย ฤชุพันธุ์ 14 ก.ย. 2547
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    14 กันยายน 2547