ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    027482 เอากำไรที่เราทำให้กับบริษัทมาใช้มหาจักร9 เมษายน 2551

    คำถาม
    เอากำไรที่เราทำให้กับบริษัทมาใช้

    เรียน:อาจารย์มีชัยที่เคารพ

           เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้จริงนะครับกำลังเกิดขึ้นกับของผมในตอนนี้   ผมจะบอกข้อมูลจริงเลยแล้วกันนะครับเพื่อที่อาจารย์จะได้เข้าใจครับ

          ผมอายุ 22 ปี  เมื่อปี 2548  ผมทำงานอยู่ที่บริษัท T.V.L. Shipping(Thailand) Co.,Ltd. มีเจ้าของบริษัทเป็นคนสิงค์โปร์ซึงจะบินมาดูงานเดือนละ 1 ครั้ง  ในบริษัทมีพนักงานอยู่ 3 คน รวมทั้งผมด้วย   ต่อมาปี 2549 ทางบริษัทได้ชักชวนผมให้ร่วมถือหุ้นเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท  ซึ่งผมก็ตกลงเป็นหุ้นส่วนของบริษัท และก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการ  สถานะของหุ้นบริษัทตอนนี้ก็คือ  1.เจ้าของบริษัทซึ่งเป็นคนสิงค์โปร์ ถือหุ้นอยู่ 60%  2.กรรมการผู้จัดการบริษัทฯชื่อ น้อง ถือหุ้น 20%  3. ผมเองถือหุ้น 20% (ข้อมูลที่เปิดเผยใช้ชื่อพี่น้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งต่างชาติถือหุ้นใหญ่ไม่ได้)   .......บริษัทฯทำงานเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า  ซึ่งผมเองก็เป็นคนรับงานเอง  หาลูกค้าเอง ดำเนินการเอง จนเสร็จสิ้นกระบวนการ  เช่น  ทางบริษัทกำหนดราคาค่าขนส่งของรวมกำไร  ของลูกค้าคนนี้ไว้ที่ 36,000 บาท ผมใช้ความสามารถบอกลูกค้าว่าค่าขนส่งทั้งสิ้น 46,000 บาท   เมื่อลูกค้าชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทจะได้กำไรเพิ่มขึ้นอีก 10,000 บาท ซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากผมเอง  ผมจึงคิดว่า ผมควรจะได้เงินจากตรงนี้บ้าง เพราะเมื่อก่อนที่ผมจะถือหุ้นของบริษัทฯ ตอนที่ผมเป็นพนักงานธรรมดา ผมจะได้ค่าคอมมิสชั่น แต่เมื่อผมเป็นถือหุ้นเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทฯแล้ว ทางบริษัทได้ยกเลิกค่าคอมมิสชั่นตัวที่ผมเคยได้รับอยู่  จากกำไร 10,000 บาท ผมจึงนำเงินเข้าบริษัท 7,000 บาท (ซึ่งก็เป็นกำไรที่เพิ่มขึ้นเกินกว่ากำไรที่บริษัทฯ ควรจะได้อยู่แล้ว) เหลืออีก 3,000 บาท เอาเข้ากระเป๋าตัวเอง  เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้งแต่กับเฉพาะลูกค้าคนเดิม     ....ต่อมาเมื่อสิ้นปีทางบริษัทฯไม่ได้จ่ายเงินปันผลซึ่งอ้างว่ากำไรน้อยและต้องการนำกำไรส่วนที่ได้มาหมุนเวียนในบริษัท  ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไร  และเมื่อเดือน พฤษภาคม 2550  ผมเห็นว่าเงินที่ผมถือหุ้นอยู่ ไม่ได้ทำกำไรให้กับผมเลย ไม่มีการปันผลไดๆทั้งสิ้น ผมจึงคิดที่จะนำเงินมาหุ้นกับเพื่อนเปิดกิจการร้านขายไอศกรีมและอินเตอร์เน็ตอยู่ที่บ้านเกิด จึงขอถอนหุ้นจำนวน 200,000 บาท และถอนชื่อออกจากกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ  แต่ทางบริษัททำท่ายึกยักจะไม่ยอมให้ถอนหุ้น  แต่สุดท้ายก็ยอมจ่ายเงินคืนมา จำนวน 180,000 บาท ซึ่งผมก็ยอมเพราะดีกว่าไม่ได้อะไรคืนมาเลย  เมื่อผมได้เงินคืนจึงลาออกกับบริษัทฯ   ปัจจุบัน ทางบริษัท T.V.L  ได้หาหลักฐานมาทำการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในส่วนที่ ผมแบ่งเงินกำไรของบริษัท  มาใช้เป็นของส่วนตัว เป็นจำนวนเงิน 135,000 บาท ตอนเขาทวงที่แรก ผมก็ให้เหตุผลไปว่ามันเป็นเงินส่วนที่ผมควรจะได้ และผมก็ได้ทำกำไรไห้กับบริษัทไว้มากหลายเท่าตัวของเงินตรงนี้  เขาไม่ยอม ผมก็เลยขอเขาผ่อน เขาให้ผ่อนโดยผมไปกู้บัตรเครดิตรมา จ่ายให้เขา 35,000 บาท เหลืออีก 100,000 บาทเขาไม่ให้ผ่อน ผมก็ไม่มี  ตอนนี้ทางบริษัท T.V.L. ได้ฟ้องร้องผมเรียบร้อยแล้วครับ

         คำถามนะครับ

    1. ผมเอาเงินกำไรของบริษัทฯ (เฉพาะลูกค้าของผมที่หามาได้เองแค่ 2 คน นอกนั้นไม่ได้เอาของเขาเลย) มาใช้ 30% ผมจะมีความผิดอย่างไร และมีบทลงโทษอย่างไร

    2.ผมได้มีการถอนหุ้นและถอนชื่อออกจากกรรมการผู้จัดการบริษัทตั้งแต่ เดือน พ.ค. ปี 2550 และขณะนี้ทางบริษัท T.V.L. ได้มีการยืนฟ้องหนูฐานฉ้อโกง ในขณะที่ยังเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทอยู่ อยากทราบว่าทางบริษัทสามารถยืนฟ้องผมได้หรือไม่ครับ

    3. ถ้าผมยอมรับความผิดและจะชำระเงินทั้งหมดที่ทางบริษัทเรียกเก็บจำนวน 100,000 บาท แต่เนื่องจากทางไม่มีกำลังทรัพย์ในการที่จะชำระในครั้งเดียวได้ ซึ่งทางบริษัท T.V.L. ไม่ยินยอมให้ผ่อนชำระ และทางบริษัทจะดำเนินการยืนเรื่องฟ้องต่อให้ถึงที่สุด ผมอยากจะผ่อนเขาเป็นเดือนๆเท่าที่ผมจะมีกำลังทรัพย์จ่ายให้เขาได้ ผมจะทำอย่างไรดีครับ

    4.สุดท้ายครับ  การที่ผู้ถือหุ้น 60% ของบริษัทเป็นคนสิงค์โปร์  และได้มีการทำผิดในลักษณะเดียวกันกับผมก็คือนำกำไรของบริษัทไปใช้  จะถือเป็นความผิดหรือไม่ และผมจะมีวิธีการยืนเรื่องฟ้องหรือดำเนินการอย่างไรได้บ้างครับ

                  ขอบคุณอาจารย์มากครับ  กรุณาตอบคำถามให้ผมด้วยนะครับ  เครียดมากเลยครับ                                                                                             ขอแสดงความนับถืออย่างสูง                   

                                                    มหาจักร

    ปล.คนสิงค์โปร์บางคน รู้มาก โกงประเทศไทยทุกวิถีทางที่จะทำได้  เราเองเป็นลูกน้องเขา รู้ทั้งรู้ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะกินเงินเดือนที่เขาจ่ายให้เรา  อย่าไว้ใจใครง่ายๆนะครับ...  

     

     

     

    คำตอบ

    เรียน คุณมหาจักร

    1. ในทางอาญาคุณก็อาจมีความผิดฐานยักยอกเงินของบริษัท

    2. ได้ รีบหาทนายความไปสู้กับเขาโดยเร็ว เพราะเขาอาจฟ้องผิดข้อหาก็ได้อันจะทำให้คุณได้ประโยชน์

    3. ก็ต้องเจรจาตกลงกับเขา

    4. เมื่อคุณไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นอีกต่อไปแล้ว คุณก็อาจไม่มีสิทธิในการฟ้องร้องเขาได้


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    9 เมษายน 2551