ปัญหากับสรรพากร
เรียนอาจารย์มีชัย
เมื่อประมาณ ปี 2538 สพก.จังหวัด มีหนังสือให้เข้าชี้แจง โดยแจ้งว่าพบรายจ่ายต้องห้าม
ในการยื่นงบ ปี 2536 และ 2537 โดยมีรายละเอียดคือ คนทำบัญชีได้นำเอาใบลดหนี้ภาษีซื้อ
ของทั้ง 2 ปี ไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายของห้าง ทำให้เสียภาษีน้อยลง ซึ่งก็เป็นจริงตามที่ปรากฎ
แต่ผมได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ได้มีเจตนาทำให้ชำระภาษีน้อยลง เนื่องจากปรากฎหลักฐาน
ชัดเจนว่า ผมได้ยื่นแบบรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยนำใบลดหนี้ภาษีซื้อ ออกจากรายงานภาษีซื้อ
ทุกเดือนทั้ง 2 ปี เพียงแต่ผมดูงบดุลไม่เป็น ก็เลยเซ็นรับรองงบ
หลังจากที่ได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ สพก.จังหวัดแล้ว เรื่องก็เงียบหายไปประมาณ 2 ปี
ก็มีหนังสือเชิญเข้าพบใหม่ ในประเด็นเดิมแต่ เปลี่ยนตัวบุคคล โดยบอกว่า เจ้าหน้าที่คนเดิม
ย้ายไปจังหวัดอื่นแล้ว ก็ดำเนินการสอบปากคำใหม่ จากนั้นได้ประเมินภาษี พร้อมเบี้ยปรับ
เงินเพิ่ม ซึ่งคำนวนตั้งแต่ปี 2536
ผมได้ทักท้วงว่า ในส่วน 2 ปี ที่ทาง สพก.เงียบหายไปนั้น ไม่น่าจะเรียกเก็บเงินเพิ่ม 1.5
ต่อเดือนจากผม ก็ปรากฎว่า ทาง จนท.ยังยืนกรานตามเดิม
ผมจึงดำเนินการอุทธรณ์การประเมิน (โดยมีผู้อาสา ว่าจะช่วย) แต่ผลปรากฎว่า อุทธรณ์ตก
เนื่องจากไปอุทธรณ์ว่า ขอลดภาษี ซึ่งผมแจ้งว่า ขออุทธรณ์ให้งดเบี้ยปรับลดเงินเพิ่ม
เนื่องจากไม่มีเจตนาหลบเลี่ยงภาษี ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเป็นอย่างดี
เมื่ออุทธรณ์ตก ผมเกิดความเครียดมาก เพราะตัวภาษีประมาณ 4 แสนกว่า รวมเบี้ยปรับ
1 เท่า เงินเพิ่ม 1.5 ต่อเดือน รวมเป็นเกือบล้านบาท ทำให้ผมต้องเลิกกิจการ ที่มีรายได้
แค่เดือน 2-3 หมื่นบาท หลังจากนั้นผมก็ไปขอผ่อนชำระ ทาง สพก.ก็รับชำระมาเรื่อย ๆ
อยู่ปีกว่า ๆ โดยที่ไม่มีใครบอกเลยว่า ที่ผมส่งไปนั้น ไม่มีผลให้ยอดเงินลดลงแต่อย่างใด
เนื่องตัวภาษียังอยู่ เงินเพิ่ม 1.5 ก็ยังคิดไปเรื่อย ๆ กว่าจะรู้เรื่องผมก็ผ่อนชำระไปเกือบ
แสน แต่ยอดเงินรวมไม่ได้ลดลงเลย จนกระทั่งญาติช่วยชำระตัวภาษีให้ เพื่อให้เงินเพิ่มหยุด
จากวันที่คำวินิจฉัยอุทธรณ์ตกลงมา (ปี 2542) จนบัดนี้ ผมยังคงค้างตัวเบี้ยปรับเงินเพิ่ม
อีกเกือบ 6 แสนบาท บัญชีธนาคารต่าง ๆ ก็ถูกอายัด ล่าสุด เจ้าหน้าที่ สพก. คนใหม่
ก็ตามตัวไปพบบอกว่า ได้ตรวจพบว่า มีที่ดินในชื่อของผม 2 แปลง แปลงหนึ่งราคาประเมิน
ประมาณหมื่นกว่า (ที่จัดสรร) อีกแปลงหนึ่งราคาประเมิน 9 แสนบาท (ที่ของคุณแม่
แต่คุณแม่ครอบครองไม่ได้ เนื่องจากถือต่างด้าว) จะยึดที่ดินเพื่อขายทอดตลาด
ตอนนี้ผมเครียดมาก งานการไม่เป็นอันทำ ธุรกิจเดิมก็ปิดไปแล้ว พอจะตั้งต้นตั้งตัวใหม่
ก็มาเจอปัญหานี้อีก ไม่ทราบว่าจะหาทางออกได้อย่างไรบ้าง
จึงขออนุญาตเรียนถามท่านอาจารย์ว่า หากกรณีนี้เป็นอาจารย์ ๆ จะหาทางออกอย่างไรครับ
(ขออภัยที่อธิบายยาว)
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
คนทุกข์ใจ
หมายเหตุ ...
สมัยทำธุรกิจ ผมตั้งใจทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่บางประเด็นผมถูก
เจ้าหน้าที่ สพก.ว่า " โง่ " เช่น การที่ผมบันทึกเงินเดือนของผมตามความเป็นจริง
การที่ผมแสดงรายการเงินเดือนของพนักงาน ตามความเป็นจริง ว่ามีกี่คน ๆ ละเท่าไหร่
สพก. บอกว่า ผมจะ make ตัวเลขก็ได้ ลูกจ้างก็หาชื่อมาใส่เพิ่มเป็นสัก 7-8 คน
จากที่มีจริงเพียง 3 คน เพื่อให้มีรายจ่ายที่สูงขึ้น ... แบบนี้แหละครับที่ทำให้ผม
เครียดและรู้สึกทำใจไม่ได้ว่า ทำไมในเมื่อผมตั้งใจเป็นพลเมืองที่ดี เป็นผู้ประกอบการ
ที่ดี ทำไมผมต้องมาโดนเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
... ก่อนมีการประเมิน มีการถามว่า " น้อง พอจะมีค่าขนมให้เจ้าหน้าที่หรือไม่ล่ะ
ซึ่งมีหลายคน หลายฝ่าย หากจะต้องช่วยทำให้ตัวเลขมันน้อยลง ยากนะ ..เพราะ
บางคนก็ย้ายไปแล้ว ..." พอผมทำใจยอมรับไม่ได้ ก็เลยโดนประเมินเต็ม ๆ ครับ
เรื่องนี้ ปัจจุบันมีผู้ใหญ่บางคน ยังคงตำหนิผม ว่าเป็นเพราะผมหัวแข็งนั่นเอง
|