ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
    กิจกรรม - สัมภาษณ์
  • สัมภาษณ์คนดัง
  • คำสำคัญ
     
     
    สัมภาษณ์คนดัง

    นันทพร สูยะศุนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันท์โปรดักส์ จำกัด

    นันทพร สูยะศุนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันท์โปรดักส์ จำกัด ( http://www.nuntproducts.com ) เป็นผู้หนึ่งที่มีความสนใจใช้สมุนไพรไทยมาบำรุงผิวพรรณและสร้างความรื่นรมย์ให้จิตใจด้วยกลิ่นหอม หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าอโรมาและสปา เขาและเพื่อนที่มีความชอบเรื่องสปา สุขภาพ และอาหาร เหมือนกันจึงร่วมหุ้นกันเปิดสปาขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ขณะที่ยังทำงานประจำเป็นผู้จัดการระบบสารสนเทศ ในบริษัท ล็อกซ์เล่ย์ จำกัด โดยมีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับลูกค้าระหว่างฝ่ายเทคนิคกับผู้ใช้งาน ซึ่งเขาก็ได้นำประสบการณ์จากงานประจำนี้มากับลูกค้าในด้านความเอาใจใส่และการดูแลลูกค้าด้วย ส่วนงานด้านสปานั้นก็เหมือนเป็นการช่วยเขาฝึกปรือฝีมือด้านธุรกิจมาเรื่อยๆ

    สปาของพวกเขาในตอนนั้น ได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ซึ่งทำให้ราคาสูงตามไปด้วย ความคิดในการทำผลิตภัณฑ์เป็นของตนเองจึงเกิดขึ้น โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เช่น ขมิ้น, อัญชัน และมะกรูด คิดเลือกส่วนผสมจากกลุ่มเกษตรอินทรีย์ จ.ราชบุรี ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดสารพิษ หลังจากนั้นก็เริ่มทำน้ำมันนวดและน้ำมันหอมระเหยเพิ่ม

    นันทพร เปิดเผยว่า ช่วงทำธุรกิจสปาก็ได้เข้าไปอบรมหลักสูตร Spa Owner ของ ISMED ทำให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สปา นอกจากนั้นยังได้ความรู้เรื่องข้าวหอมมะลิไทยจาก อ.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ จาก ม.รังสิต ที่เป็นวิทยากร ซึ่งข้าวหอมมะลิไทยมีสาร Oryza Extract และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับผิวสูง ช่วยลดอาการระคายเคือง และเหมาะกับผิวบอบบาง อย่างผิวชาวเอเชีย จึงได้เริ่มพัฒนาสินค้าจากข้าวหอมมะลิ โดยมีบริษัท อังกฤษตรางู เป็นผู้ผลิตสินค้าให้ เพราะต้องการให้สินค้ามีมาตรฐานสูง

    กลางปี 2547 นันทพร พิจารณาดูแล้วว่ารายได้เกินจากเงินเดือนเยอะพอสมควร และรู้สึกว่าเวลาทำอะไรสองอย่างไปพร้อมกัน ก็ทำได้ไม่เต็มที่ทั้งสองอย่าง และไม่แฟร์กับทั้งสองฝ่าย นันทพรจึงลาออกจากงานประจำและค่อยๆ ถอนตัวออกจากหุ้นสปา มาทำธุรกิจผลิตภัณฑ์ “นันท์” และเปิดบริษัท นันท์โปรดักส์ จำกัด โดยใช้เงินทุนจดทะเบียนบริษัทไปจำนวน 1 ล้านบาท

    “พี่เริ่มต้นไปติดต่อวางขายที่โกลเด้น เพลส เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี แล้วก็เริ่มออกงานแสดงสินค้า ทางเลมอน ฟาร์ม, วิลล่า มาร์เก็ต เขาก็ติดต่อมาสนใจนำสินค้าเราขาย พวกสปาต่างๆ ก็ติดต่อเอาของเราไปใช้ในสปาของเขาด้วย”

    ผลิตภัณฑ์ “นันท์” มี 5 กลุ่ม คือ Herbal Spa จากขมิ้น, อัญชัน, มะกรูด และมะขาม, Massage Oil – Essencial Oil น้ำมันหอมระเหย น้ำมันนวด ตามธาตุดิน-น้ำ-ลม-ไฟ, Jasmin Rice Spa จากข้าวหอมมะลิ, Flowery Spa จากดอกจำปี และและเตรียมวางตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มน้ำมันมะพร้าว คือครีมทามือและเท้า ในเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากการเก็บข้อมูลที่นานพอสมควร พบว่าน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่สูง เหมาะกับการบำรุงมือและเท้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่ใช้งานบ่อย ทำให้ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ และตลาดน้ำมันมะพร้าวปัจจุบันมีสูงมาก ซึ่งวัตถุดิบคัดเลือกมะพร้าวจากจังหวัดสมุทรสาคร โดยครีมทาเท้าจะมีกลิ่นเบอกามอท และครีมทามือมีกลิ่นกระดังงา

    ผลิตภัณฑ์ “นันท์” มีราคาตั้งแต่ 120-500 บาท มีวางขายปลีกที่โกลเด้น เพลส, เลมอน ฟาร์ม, วิลล่า มาร์เก็ต และในสปาระดับบีบวกขึ้นไป ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุดในตอนนี้คือกลุ่มข้าวหอมมะลิกับมาสก์หน้ามะขามสด

    นันทพร กล่าวต่อว่า “นันท์” วางแผนเจาะตลาดตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ด้วยจุดเด่นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ปลอดภัยไร้สารพิษ ดีไซน์สวยงาม แต่ราคาไม่แพง มีกำลังการผลิตที่เดือนละ 100 กก. โดยโรงงานที่ได้มาตรฐานจีเอ็มพี มีอัตราการเติบโตในแต่ละปีมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

    “ตอนนี้อยู่ระดับไหนของตลาดเราก็ตอบไม่ได้ เพราะเราเป็นแค่บริษัทเล็กๆ ไม่มีทีมสำรวจตลาดว่ามีส่วนแบ่งการตลาดเท่าไร แต่ถ้าถามถึงคุณภาพ เราสู้สินค้าแบรนด์นอกได้สบายๆ ไม่ด้อยกว่าเขาแน่นอน เพราะเราใช้ส่วนผสมที่มีคุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะหาได้”

    นันทพร มองว่า แนวโน้มตลาดในตอนนี้ ทุกคนหันมามองธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะรู้แล้วว่าสิ่งที่มาจากธรรมชาตินั้นดีที่สุดสำหรับตัวเอง ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น แต่...แต่ละผลิตภัณฑ์ก็มีจุดเด่นของตัวเอง ต่างก็พัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิมอยู่เสมอ “นันท์” เองก็เช่นกัน จึงเชื่อว่าหากเราพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราให้ดี มีเอกลักษณ์ ก็สู่คู่แข่งได้อย่างแน่นอน

    ในตลาดต่างประเทศนั้น นันทพรมองมองไปที่เอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ซึ่งเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ “นันท์” ก็ได้ไปร่วมงานแสดงสินค้าที่ประเทศสิงคโปร์ โดยสถานทูตไทยที่ต้องการให้สินค้าโอทอป เอสเอ็มอี ไปเปิดตลาดในต่างประเทศ และได้รับผลตอบรับที่ดีมาก

    “เรายังมองตัวเองเป็นแค่ธุรกิจเล็กๆ อยู่ ตลาดส่งออกจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป และพื้นฐานการตลาดในประเทศต้องแน่นหนามั่นคงพอด้วย” นันทพร กล่าว

    สุดท้าย นันทพร กล่าวถึงการทำธุรกิจในปัจจุบันว่า ความคิดของคนทำงานเปลี่ยนไปจากเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นทุกคนเรียนจบมัธยมก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสอบเอ็นทรานซ์ให้ติดคณะดีๆ มีชื่อเสียง จบออกมาก็หางานดีๆ ทำ แต่ปัจจุบันหลายคนได้พิสูจน์แล้วว่า แม้จะเอ็นท์ไม่ติด ไม่มีงานดีๆ ทำ ก็สามารถสร้างธุรกิจของตัวเองได้ ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน เด็กรุ่นใหม่จึงมีตัวอย่างที่ดี ไม่เครียดกับการสอบเอ็นทรานซ์มากจนเกินไป เพราะความหวังอย่างอื่นยังมี นี่เป็นเหตุผลหนึ่งในหลายๆ ข้อที่คนรุ่นใหม่หันมาทำธุรกิจกันมากขึ้น

    “จากการออกมาทำธุรกิจของตัวเอง สิ่งที่ได้รับมากที่สุดก็คือเพื่อน เราได้เพื่อนเพิ่มขึ้น ทั้งคนทำงานเหมือนกัน ซัพพลายเออร์ หรือแม้แต่ลูกค้าเอง เพราะเราทำธุรกิจแบบวิน-วิน คือเขาได้เราก็ได้”

    ส่วนคนที่จะออกมาทำธุรกิจของตัวเองนั้น นันทพรแนะนำว่า ก่อนจะลงมือ ต้องมั่นใจก่อนว่าถ้าออกมาจากงานประจำแล้วตัวเองไม่เดือดร้อน และต้องมั่นใจว่าสิ่งที่กำลังจะทำ เป็นสิ่งที่รักที่ชอบจริงๆ ไม่เช่นนั้นเมื่อเกิดปัญหาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าเรารักในสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าปัญหาอะไรก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก เพราะเราทำด้วยความสุข และต้องแน่ใจว่าคุ้มค่าจริงๆ จึงค่อยลงมือทำ


    17 สิงหาคม 2548