เรียนท่านอาจารย์ครับเรื่องมีอยู่ว่าผมได้ไปค้ำประกันรถยนต์ให้เพื่อนและทางเพื่อนไม่ได้ผ่อนชำระและไม่ส่งมอบรถคืนให้แก่ไฟแนนท์ ทางไฟแนนท์จึงยื่นเรื่องฟ้องศาลที่จ.นครราชสีมา(บ้านเกิดเผ้เช่าซื้อ)เบื้องต้นศาลให้ไกล่เกลียรกันแต่ทางผู้เช่าซื้อไม่ยอมไป(เบื้องต้นทางผู้เช่าซื้อบอกผมว่าจะไปรับฝังเองโดยผมไม่ต้องไปก็ได้)แต่ในที่สุดแล้วผู้เช่าซื้อไม่ไปโดยบอกว่าติดธระอยู่ต่างจังหวัดและสุดท้ายศาลได้พิพากษามาแล้ว(ในวันพิพากษาทางทนายคู่กรณีไม่ได้แจ้ให้ทราบในวันฟ้อง)โดยพิพากษาให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายร่วมกันจำนวน 13,0000 บาท(รถไม่ได้ถูกยึดเนื่องจากสูญหาย)ค่าขาดประโยชน์ 51,000 บาทและชำระค่าเสียหายให้โจทก์ต่อไปอีกเดือนละ 3,000 บาท ฟ้อง 29/มิย/2553 จนกระทั้งบัดนี้ทางผู้เช่าซื้อก็ยังไม่ได้ไปติดต่ขอประณอมหนี้กับทางโจทก์เลย จึงขอเรียนถามดังนี้ครับ 1.ทางโจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากผู้เช่าซื้อก่อนหรือทางผู้คำประกันก่อน(ทำงานบริษัทมีรายได้ประจำ)2.ระยะเวลาตั้งแต่ฟ้องมาจนถึงบัดนี้ทางโจทน์จะบังคับคดีเมื่อไหร่หมายถึงการยึดทรัพย์หรือหักเงินเดือน3.ทางผุ้คำประกันจะมีทางไหนที่จะไม่ชดใช้ได้บ้างหมายความว่าให้ไปเรียกร้องจากผู้เช่าซื้อก่อนเนื่องจากยังมีรายได้อยู่ ขอขอบพระคุณมากครับ
1. เจ้าหนี้เขาคงเรียกให้ชำระพร้อม ๆ กัน เอาจากใครได้เขาก็เอาจากคนนั้น ลองไปอ่านดูคำพิพากษาดูเถอะ จะได้รู้ว่าจำเลยที่๑ คือใคร และจำเลยที่ ๒ คือใคร น่าเชื่อว่าจำเลยที่ ๒ น่ะคือคุณ ซึ่งก็แปลว่าเขาฟ้องทั้งคุณและผู้เช่าซื้อพร้อม ๆ กัน
2. เขามีเวลาบังคับคดีได้ ๑๐ ปี
3. ปกติกฎหมายกำหนดว่า ถ้าสามารถเรียกจากลูกหนี้ได้โดยไม่ยุ่งยาก ก็ต้องเรียกจากลูกหนี้ก่อนแล้วจึงค่อยมาเรียกจากผู้ค้ำประกัน แต่กฎหมายนี้มักจะเป็นหมัน เพราะในเวลาที่คุณไปทำสัญญาค้ำประกันเขานั้น เขาจะมีข้อความยกเว้นกฎหมายดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนที่คุณจะค้ำประกันเขา คุณก็คงคิดว่าเป็นเรื่องนิดหน่อย จึงไม่ได้อ่านข้อความในหนังสือค้ำประกัน