เนื่องจาก พ่อ และแม่เลี้ยงของดิฉัน ได้เซ็นชื่อค้ำประกันการกู้เงินเพื่อซื้อที่ดินจำนวน สองแสนบาท ของน้องชาย ต่อมาน้องชายไม่ได้ส่งเงินตามกำหนด โดยที่พ่อ และแม่เลี้ยงไม่ทราบ เพราะน้องชายอยู่คนละจังหวัด (กรุงเทพฯ) จึงถูกธนาคารยึดที่ดินนั้นไป ต่อมาพ่อดิฉันได้เสียชีวิตลง และยังไม่ได้โอนทรัพย์สินซึ่งเป็นโฉนดที่ดินของพ่อ และเป็นที่ตั้งของบ้านที่แม่เลี้ยงอาศัยอยู่ในปัจจุบัน เพราะพี่น้องของดิฉันแยกกันอยู่หลายจังหวัด (พ่อมีภรรยาหลายคน ดิฉันเป็นบุตรคนโต ของภรรยาคนที่ 1 ซึ่งแยกทางกันเมื่อดิฉันยังเล็ก และพ่อแต่งกับภรรยาคนที่ 2 ซึ่งได้เลี้ยงดูดิฉันจนโต)
ซึ่งต่อมา แม่เลี้ยงของดิฉัน ได้รับหมายจากศาล (ตามเอกสารแนบ) ซึ่งดิฉันและแม่ก็ได้ไปตกลงกับเจ้าหนี้ คือ ธนาคารกรุงไทยฯ ไว้ในขั้นหนึ่งแล้ว โดยธนาคารขอให้ชดใช้แทนเป็นเงินสด จำนวน สามแสนห้าหมื่นบาท เต็มจำนวน มิฉะนั้นจะนำบ้านที่แม่เลี้ยงของดิฉันอาศัยอยู่ออกขายทอดตลาด และนำเงินมาหักใช้หนี้ ทำให้แม่ และพี่น้องดิฉันทุกคนร้อนใจมาก เพราะเป็นบ้านหลังเดียวที่พ่อทิ้งไว้ให้อยู่อาศัยกัน และในตอนนี้พี่น้องก็ทำงานอยู่ต่างจังหวัดกัน มีแม่ และน้องชายที่อาศัยอยู่ในบ้าน โดยแม่มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวรถเข็น ถ้าบ้านถูกยึด ดิฉัน และทุกคนจะเดือดร้อนมากค่ะ
ดิฉันยินดีชำระหนี้ที่ธนาคารเรียกร้อง แต่ไม่สามารถชำระเป็นเงินก้อนเต็มจำนวนได้ และได้พยายามหากู้เงินแล้ว แต่ไม่สามารถกู้ได้ เพราะไม่มีทรัพย์สินค้ำประกัน ถ้าสามารถผ่อนชำระในจำนวนเงินที่ไม่สูงมากนัก ดิฉันยินดีที่จะผ่อนชำระให้
(ธนาคารบอกว่า พ่อกับแม่ ค้ำประกันให้น้องสองฉบับ รวมต้นและดอกเบี้ยแล้วล้านกว่า เขาลดให้เหลือสามแสนห้าค่ะ)