เรียน อาจารย์มีชัยคะ
ทางญาติของแฟนที่ทำโครงการจัดสรรที่ดิน ได้ใช้ชื่อหนูกับแฟน (ซึ่งหนูกับแฟนไม่ได้จดทะเบียนกัน) ทำเรื่องกู้กับธอส. โดยใช้ที่ดินของโครงการจัดสรรคะ แล้วทางญาติแฟนบอกว่า ไม่มีปัญหาอะไร ได้รับหมายศาลให้โยนทิ้ง ซึ่งตอนนั้นหนูไม่ทราบ จริง ๆ และเพิ่งมีจดหมายจากศาลมาว่าทำการยึดทรัพย์ที่ดินแปลงนั้น เมื่อ เดือนมีนาคม 2553 ที่ผ่านมาคะ และหนูได้ติดต่อกับทาง ธอส. แล้วเค้าบอกว่า คดีจะสิ้นสุด เดือนกันยายน 2553 ในการขอประนอมหนี้
หนูอยากจะถามอาจารย์ว่า หนูควรจะทำอย่างไรดีคะ เพราะที่ดินดังกล่าวหนูก็ไม่เคยเห็น และแฟนหนูก็ตายไปนานแล้วคะ เรื่องเกิดเมือปี 2543 เพิ่งได้หมายว่าจะยึดที่ดิน เดือนมีนาคม 2553 หนูควรจะให้ธนาคารขายทอดตลาดดี หรือ ควรจะประนอมหนี้ดีคะ เพราะยอดเงินต้น 700,000 บาทดอกเบี้ย 1,500,000
ถ้าประนอมหนี้แล้ว ที่ดินก็จะเป็นของหนูใช่หรือไม่ แต่ยอดเงินกู้ค่อนข้างสูงมากและถ้าหนูปล่อยทิ้งให้ธนาคารขายทอดตลาด แล้ว เงินที่เหลือที่ต้องจ่ายธนาคารจะยอมลดหนี้ให้หรือไม่คะ และใช้เวลาในการขายทอดตลาดนานหรือไม่ ดอกเบี้ยจะวิ่งไปเรื่อย ๆ หรือเปล่าคะ ตอนนีหนูร้อนใจมากคะ เพราะไม่รู้ว่าถ้าประนอมหนี้แล้วจะเอาที่ดินไปทำอะไรคะ แต่เป็นที่ดินจัดสรรของโครงการคะ
หนูควรทำยังไงดีคะ ระหว่างไปประนอมหนี้กับธนาคารซึ่งไม่รู้ที่ดินตัวเองอยุ่ตรงไหน กับ ให้ธนาคารขายทอดตลาด
รบกวนอาจารย์ช่วยตอบกลับด้วยคะ ขอบคุณมากคะ
คุณคงไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ แหละ ใครอยากทำอะไรก็คงลงชื่อให้เขาไปทำ ดังนั้นตอนนี้คุณจึงไม่รู้แม้กระทั่งว่าที่ดินนั้นใครเป็นเจ้าของ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ หนี้นั้นเป็นของคุณ ไม่ว่าคุณจะไปประนอมหนี้หรือไม่ เขาก็คงมาตามเอาจากคุณอยู่ดีแหละ เพราะคุณเป็นลูกหนี้ ถ้าเขาขายที่ดินนั้นได้เงินไม่พอชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ย เจ้าหนี้ก็คงมาตามเอาจากคุณทุกบาททุกสตางค์ ถ้าคุณไปประนอมหนี้แล้วได้ลดหนี้ลง เวลาขายที่ดินแล้วก็คงทำให้เหลือหนี้น้อยลง ซึ่งคุณก็ต้องไปชำระต่อไปจนกว่าจะหมด