กราบเรียนสอบถามอาจารย์ มีชัยดังนี้ครับ

1 คุณพ่อทำงานที่รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ในหน้าที่หัวหน้าฝ่ายขายเอกชน ต่อมาปรากฏว่ามีการทุจริตของลูกน้อง ทางรัฐวิสาหกิจจึงได้ทำหนังสือแจ้งให้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งทางคุณพ่อได้ชดใช้หมดแล้วโดยถูกหักจากเงิน ealry เมื่อปี 2548 และให้ทำหนังสือค้ำประกันแก่นาย ก ซึ่งเป็นลูกน้อง

2 ต่อมาปี 2548 คุณพ่อได้โอนบ้านให้ โดยมีการโอนที่สำนักงานที่ดินเรียบร้อย

3 ปี 2549 ได้กู้ร่วมกับคุณพ่อ เพื่อซื้อบ้าน โดยได้ยืมเงินจากแฟนมาดำเนินการกู้จากแบงค์**บ้านหลังนี้ที่ซื้อเนื่องจากเพื่อนคุณพ่อได้กู้ร่วมกับพี่สาวและพี่สาวไม่ได้ส่งมานานประมาณ 10 ปี ได้ ธนาคารจึงได้มาทวงถามจากเพื่อนคุณพ่อ เพื่อนคุณพ่อจึงนำมาเสนอขายให้ทางคุณพ่อ โดยทำการจำนองใหม่กับทางธนาคาร***

4 ปี 2550 คุณพ่อเสียชีวิต แบบกระทันหันไม่มีการทำพินัยกรรม แต่มีหนี้สินบัตรเครดิตประมาณ 60000 บาท  ต่อมาทางลูกได้ทำการผ่อนชำระบัตรเครดิตจนหมด

5 ปี 2552 ได้มีจดหมายจากรัฐวิสาหกิจที่คุณพ่อเคยทำงานอยู่ ว่าให้ทำการชำระหนี้ เนื่องจากทางลูกหนี้ได้ขาดการชำระหนี้โดยได้มีการนัดเจรจาที่สำนักงานอัยการแต่ทางลูกหนี้ไม่มา จึงได้มีการแจ้งทางเจ้าหนี้ว่าไม่ต้องการค้ำประกันต่อ เนื่องจากทางคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว และทราบมาว่าทางลูกหนี้มีปัญหาการทุจริต

6ต่อมาทางอัยการโทรมาแจ้งว่าถ้าทางเราไม่ยอมค้ำประกันต่อ จะฟ้องศาล

รบกวนสอบถามอาจารย์ว่าถ้าเราในฐานะทายาทถ้าไม่ต้องการคำประกันต่อได้หรือไม่

และต้องรับผิดชอบหนี้สินที่เกิดอย่างไร เนื่องจากคุณพ่อไม่ได้ทิ้งทรัพย์สินที่พอจะใช้หนี้ได้ ส่วนบ้านที่โอนให้ก่อนคุณพ่อเสียจะถูกบังคับเอาไปหรือไม่ บ้านที่กู้ร่วมอยู่จะมีปัญหาอย่างไรบ้าง