เรียนท่านอาจารย์
เนื่องจากดิฉันได้ค้ำประกันแฟนที่บริษัทที่ทำงานเดียวกันแต่ได้เลิกกันไปแล้วยังไม่ได้ถอนค้ำประกัน เพราะเขาบอกว่าเขาจะลาออกวันที่ 1 พ.ย 52 เลยให้ช่วยค้ำประกันให้ก่อน แต่เขาได้ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 24 ต.ค 52 แต่กรณี ของบรษัทก็คือต้องยื่นใบลาออกก่อน 15 วันถึงจะออกได้ถ้าจะรับเงินประกัน ของบรษัทคืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 พ.ย 52 เขาได้ยักยอกเงินบริษัทไป จำนวน 320,000 บาท ทางบรษัทบอกว่าบุคคลค้ำประกันจะต้องชดใช้หนี้ ตรงนี้ดิฉันทราบ
1. กรณีนี้เขาเขียนใบลาออกแล้วดิฉันจะต้องชดใช้นี้แทนด้วยหรือเปล่าเพราะว่าที่เขาทำงานต่อก็แค่จะรับเงินประกันจากบรษัทคืนนั้นเองแต่เขาไม่ได้รับเงินประกันคืนเพราะเขายักยอกเงินไปก่อน
2. เมื่อวันที่ 19 พ.ย 52 ทางบรษัทให้ดิฉันชดใช้หนี้แทนแต่ไม่ได้แจ้งอะไรล่วงหน้าเลยอยู่อยู่ก็ให้ทนายมาบอกดิฉันว่าต้องใช้หนี้ให้กับบริษัทถ้าไม่ชดใช้จะฟ้องศาลและไปยึดทรัพย์สินที่บ้านและเขาก็บอกว่าจะต้องจ่ายวันนี้เท่านั้น ดิฉันก็กลัวเลยเอาทองไปขายและใช้ไปจำนวน 30,000 บาท แล้วทางบรษัทก็ทำหนังสือรับสภาพหนี้มาให้เซ็นกรณีนี้เป็นอะไรไหมเพราะเซ็นไปแล้ว เนื่องจากทนายเขาขู่ว่าถ้าไม่ใช้จะยึดทรัพย์สินแต่ดิฉันไกล่เกลี่ยว่าจะผ่อนให้เขาไม่เอาบอกว่าเมื่อไหร่จะหมด แบบนี้จะทำยังไงดี แล้ววันที่ 19 ธ.ค 52 เขานัดจ่ายอีกดิฉันไม่มีให้เขาหรอกถ้าจะให้เขาฟ้องศาลจะมีสิทธิ์ที่จะยึดทรัพย์ไหม แล้วเซ็นรับสภาพนี้ไปแล้วฟ้องศาลจะเป็นไรไหม แต่เรายอมใช้หนี้ให้ถ้าฟ้องศาลและไกล่เกลี่ยผ่อนให้จะได้ไหมค่ะ ช่วยแนะนำหน่อยว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างเพราะเราไม่รู้กฎหมายเลย
3. กรณีจับตัวคนทำผิดได้ผู้ค้ำประกันจะต้องเดือดร้อนไหมคะ
เรียน คุณชิดชนก
1. ถ้าความเสียหายนั้นเกิดก่อนที่เขาจะลาออก ทางบริษัทเขาก็มีสิทธิมาเอาจากผู้ค้ำประกัน
2. การที่เขาให้ทนายความมีหนังสือมาน่ะก็คือการมาบอกล่วงหน้าให้ทราบแล้ว ว่าให้เราชำระหนี้เขา ถ้าไม่ชำระเขาก็ต้องไปฟ้องศาล และเมื่อแพ้คดีแล้วถ้าไม่ชำระหนี้เขาเขาก็มายึดทรัพย์ไปขายทอดตลาดเป็นของธรรมดา ส่วนการไกล่เกลี่ยก็เป็นเรื่องที่จะไปพูดคุยที่ศาลได้ ถ้าไม่รู้กฎหมายเลยก็ควรต้องหาทนายความ
3. ก็ยังต้องเดือดร้อนอยู่ดีแหละ เพราะผู้ค้ำประกันก็ต้องชำระหนี้ไปก่อน แล้วจึงจะไปไล่เบี้ยเอาจากลูกหนี้ตัวจริง