ผู้ค้ำประกันโดนหมายศาลยึดทรัพย์
เรียน คุณมีชัย
ดิฉันได้เคยค้ำประกันพี่ที่รู้จักกันเมื่อปี 2537 ซึ่งเขาไปกู้เงินกับบมจ.เงินทุนหลักทรัพย์เอกสิน ซึ่งต่อมาบมจ.ฯ ได้ปิดกิจการ และในส่วนของลูกหนี้ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้สถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ซึ่งดิฉันก็ได้รับหนังสือเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ในหนี้สินนี้เมื่อเดือน ม.ค.2549 ซึ่งดิฉันก็ได้ติดต่อกับผู้กู้ว่าให้ติดต่อเจรจาชำระเงินด้วย เขาก็รับปาก และก็เข้าไปทำเรื่องผ่อนอยู่ ก็ไม่ทราบว่าเขาผ่อนถึงขั้นไหนแล้ว ยอดค้างชำระเหลือเท่าไหร่
และจู่ ๆ วันที่ 20 ก.ย.50 ก็มีเจ้าพนักงานที่ดินได้โทรมาแจ้งว่า ทางสนง.บังคับคดีได้ไปถ่ายคัดสำเนาโฉนดที่ดิน ของดิฉันกับสามีมีชื่อร่วม (ซึ่งตอนค้ำประกันดิฉันยังไม่ได้แต่งงาน ดิฉันสมรสและจดทะเบียนเดือน ก.พ.2546) ซึ่งดิฉันยังไม่เคยได้รับหนังสือหรือหมายศาลที่แจ้งเรื่องการดำเนินคดีเกี่ยวกับอายัดทรัพย์สิน และพ่อของสามีดิฉันก็ได้ไปขอถ่ายเอกสารเกี่ยวกับคดีของดิฉันมา ดิฉันก็ได้โทรศัพท์ติดต่อกับบริษัทบริหารสินทรัยพ์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด ได้สอบถามถึงเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงไม่มีหนังสือ/จดหมายแจ้งเรื่องมายังผู้ค้ำประกันเลย และอยู่ ก็จะมายึดทรัพย์กันเลย เขาก็เล่าขั้นตอนให้ฟัง และบอกว่าบอกรายละเอียดมากไม่ได้เพราะไม่ทราบว่าคนที่โทรเข้าไปคุยนั้นเป็นใคร ตรวจสอบไม่ได้ ให้เข้าไปเจรจาต่อรองกันที่บริษัทฯ ดิฉันก็ถามว่า ดิฉันมีสิทธิ์ที่ได้ทรัพย์สินของดิฉันคืนหรือไม่ เขาบอกว่า มีสิทธิ์ แต่ต้องมาไกล่เกลี่ยกัน
และในวันที่ 24/9/50 ดิฉันก็ได้รับหนังสือประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดี เรื่องการยึดทรัพย์ จากสนง.บังคับคดีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และต่อมาดิฉันก็ได้พยายามติดต่อกับผู้กู้ ได้สอบถามถึงเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงปล่อยให้เขามายึดทรัพย์ดิฉันได้ เขาก็บอกว่า เขาเคยติดต่อรับปากว่าจะผ่อนให้ต่อ เริ่มในเดือน ก.ค.50 ซึ่งเขาก็ไม่ได้ผ่อนชำระ เพราะเขายังไม่ได้งานทำ เขาเพิ่งได้งานทำในเดือน ก.ย.50 เขาบอกว่ายอดคงเหลือประมาณ 13000 บาท เขาเคยติดต่อแล้วทางบริษัทฯ บอกว่าถ้าชำระหมดก็ไม่ต้องเสียค่าทนายความ 5000 บาท แต่ถ้ายังไม่หมดรวมค่าทนายความด้วย
ดิฉันอยากทราบดังนี้นะคะ
1. ทำไมถึงมายึดทรัพย์ในส่วนที่เป็นสินสมรส ( คือที่ดินที่ถูกยึดนี้ ดิฉันกับสามีได้ซื้อต่อจากญาติ โดยจ่ายเงินสด และได้กู้เงินกับธนาคาร โดยผู้กู้คือสามีดิฉัน และพี่น้องของสามีอีก 2 คน รวมเป็น 3 คนผู้กู้ ดิฉันก็ได้ลงชื่อในสัญญากู้เงินธนาคารในฐานะคู่สมรส และนำโฉนดที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้กับธนาคาร ) ซึ่งดิฉันได้เป็นผู้ค้ำประกัน ก่อนสมรส
2. การเข้าไปเจรจาไกล่เกลี่ย จะต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องใช้เอกสารใดบ้าง
3. กรณีผู้กู้ไม่สามารถไปเจรจาได้ ให้เขาทำหนังสือมอบอำนาจให้ดิฉันไปเจรจาแทนได้หรือไม่ และหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวจะต้องให้มีข้อความครอบคุมอย่างไรบ้าง
4. ถ้าดิฉันสามารถเจรจาชำระเงินกู้ที่ค้างชำระไว้ทั้งหมด จะต้องชำระในส่วนใดบ้าง เช่น ยอดเงินกู้คงค้าง ดอกเบี้ยค้างชำระ และต้องมีค่าทนายความด้วยหรือไม่
5. สมมุติ ว่าดิฉันดำเนินเรื่องปิดคดีดังกล่าวได้ ดิฉันต้องการให้ทางบริษัทฯ ทำสำนวนเพิกถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวได้หรือไม่ และดิฉันจะฟ้องกลับในฐานะทำให้เสียชื่อเสียงได้หรือไม่ (กรณีที่ไม่ได้รับการติดต่อก่อนการบังคับคดียึดทรัพย์)
ขอแสดงความนับถือ
lekecct
** ปล. ถ้าเป็นไปได้กรุณาตอบข้อซักถามภายในวันอาทิตย์ที่ 30/9/50 ได้ไหมคะ เนื่องจากดิฉันจะไปติดต่อกับบริษัทฯ ในวันจันทร์ที่ 1/10/50 นี้ ***
**ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ **
|