เรียน อาจารย์มีชัย
ผมเคยเรียนถามอาจารย์ไปครั้งหนึ่งแล้วเรื่อง ภาระการค้ำประกัน โดยที่หาผู้ค้ำคนใหม่ไปทำสัญญา ตามที่อาจารย์ตอบ ต้องได้สัญญาค้ำประกันเดิมคืนหรือได้รับหนังสือปลดภาระการค้ำประกัน เป็นเวลากว่า10 วันแล้วครับผมทวงถามไปที่บริษัท ไฟแนนซ์ เขาก็ยังตอบว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรคนค้ำใหม่น่าจะผ่าน พอถามหนังสือสัญญาค้ำประกันเดิมของผม เขาก็บอกว่าบริษัทจะไม่คืนให้ จะให้เขาออกหนังสือปลดภาระการค้ำประกัน ก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะทำให้หรือไม่
1. อาจารย์ครับจะมีวิธีใดได้บ้างที่สามารถบังคับให้บริษัท ไฟแนนซ์ยินยอมทำตามใน 2 ข้อดังกล่าว
2. ขอถามอาจารย์อย่างตรง ๆครับในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายอย่างสูงสุด ทำไมการเขียนกฏหมายการค้ำประกัน ถึงให้สิทธิแก่เจ้าหนี้ทุกอย่าง แต่กับผู้ค้ำประกันไม่ได้รับข้อมูล ไม่ได้รับสิทธิ ตกเป็นจำเลยในการชดใช้หนี้ ทั้งที่ไม่มีโอกาสได้รู้และติดตาม หรือเรียกร้องสิทธิ์ที่เป็นธรรมในการขอเปลี่ยนเงื่อนไขหากมีโอกาส ทั้งนี้ผมไม่ได้หมายถึงการไม่ยอมรับการเป็นหนี้ที่เกิดจากการค้ำประกันนะครับ เจตนารมณ์ของกฏหมายเขียนไว้เพื่ออะไรครับ
3. จากข้อ 2 ครับ การใช้สิทธิการทวงหนี้ของเจ้าหนี้ในปัจจุบัน ทำไมถึงไม่มีขั้นตอนหรือเงื่อนไขที่แสดงให้เห็นว่า เจ้าหนี้ได้ติดตามทวงหนี้จากลูกหนี้จนถึงที่สุดแล้ว หรือจนไร้ความสามารถในการชำระหนี้แล้วถึงจะมาเริ่มติดตามหนี้จากคนค้ำประกัน ไม่ใช่เพื่อะไรหรอกครับ คือผมอยากให้ลูกหนี้ได้รับการลงโทษในความผิดบ้าง เพื่อที่เขาจะได้ไม่ไปทำผิดในลักษณะนี้ได้อีก
ขอขอบพระคุณครับ
ประธาน
เรียน คุณประธาน
1. ไม่มีทางบังคับหรอก นอกจากเขาจะยินยอมถอนประกันให้ การเอาคนไปค้ำประกันใหม่ ถ้าไ ม่ได้ตกลงกับเขาไว้ก่อน เขาก็ยิ่งดีใจ เพราะเท่ากับมีคนมาสมัครเป็นลูกหนี้ไว้ให้ไล่เบี้ยเพิ่มขึ้น
2. กฎหมายเป็นธรรมเสมอ เพราะการจะเข้าเป็นผู้ค้ำประกันคนนั้น ทำให้เจ้าหนี้เขายอมให้เกิดหนี้รายนั้นเนื่องจากเชื่อว่าผู้ค้ำประกันจะชำระหนี้ให้เขาได้ ถ้าลูกหนี้ไม่ชำระ แต่คนไทยไม่รู้ความหนักเบาแห่งภาระที่เกิดขึ้น นึกว่าเป็นเรื่องนิดเดียว เวลาคนมาขอให้ลงชื่อค้ำประกัน ก็จะบอกว่า "ช่วยลงชื่อให้หน่อย" ซึ่งแปลว่าเป็นเรื่องหน่อยเดียว เมื่อลงชื่อแล้วก็หามีบุญคุณไม่ และเมื่อต่างคนต่างไม่มีวินัย เวลาจะเบี้ยวหนี้จึงไม่เคยนึกถึงผู้ค้ำประกัน
3. เวลาลงชื่อค้ำประกัน ส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้อ่าน ว่า เขาว่าอย่างไร ทั้งหมดที่คุณคิดว่าไม่น่าจะเกิดนั้น มันมีระบุไว้ในสัญญาค้ำประกันทั้งนั้นแหละ ซึ่งเมื่อคุณลงชื่อไปก็เท่ากับยอมรับ