เรียน ท่านอาจารย์มีชัย ที่เคารพ
ด้วยผมมีปัญหาเกี่ยวกับการเรื่องการชำระหนี้จำนองที่ดิน มีรายละเอียดโดยสังเขปดังนี้ ป้าของผมได้กู้ยืมเงินเจ้าหนี้ เป็นเงินต้น 150,000 บาท โดยจำนองที่ดินมีโฉนดไม่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้เงินกู้ ซึ่งตามสัญญาได้ระบุว่า ให้สัญญาจำนองนี้ถือเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงินด้วย คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15ต่อปี กำหนดส่งดอกเบี้ยชำระเดือนละครั้ง จำนองมีกำหนด 1 ปี โฉนดที่ดินให้เจ้าหนี้ผู้รับจำนองเป็นผู้ยึดถือไว้ สัญญานี้ทำขึ้นและจดทะเบียนจำนอง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2544 ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดหนองคาย ปรากฏว่า นับแต่วันทำสัญญาดังกล่าว ป้าของผมไม่เคยชำระดอกเบี้ยและต้นเงินให้แก่เจ้าหนี้ตามที่กำหนดไว้เลยจนถึงปัจจุบัน และเจ้าหนี้ก็ไม่เคยมีหนังสือทวงถามเช่นกัน เป็นระยะเวลาราว 11 ปีเศษ ภายหลังน้องสาวผม (ลูกของป้า) ทราบเรื่อง จึงขอเจรจารอมชอมหนี้ดังกล่าวกับเจ้าหนี้ แต่ลูกจ้างของเจ้าหนี้ปฏิเสธไม่ยอมให้เข้าพบและไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อเจ้าหนี้ โดยอ้างว่า เจ้าหนี้มอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบเจรจาเรื่องหนี้เองทั้งหมด และแจ้งว่า หากจะไถ่ถอนจำนอง ป้าของผมจะต้องชำระหนี้รวมดอกเบี้ย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 400,000 บาท จึงจะดำเนินการไถ่ถอนจำนองให้ มิฉะนั้น จะฟ้องคดีต่อศาล ผมเองแม้จะไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าว แต่สงสารป้ากับน้องสาวเพราะที่ดินที่จำนองดังกล่าวเป็นที่ปลูกบ้านพักอาศัยด้วย เกรงว่า เจ้าหนี้จะมายึดที่ดินทำให้จะไม่มีที่อยู่อาศัยต่อไป จึงขอความกรุณาท่านอาจารย์มีชัย โปรดให้คำแนะนำวิธีการทางกฎหมายในการชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองที่ดินพ้นจากภาระผูกพันดังกล่าว จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
ขอแสดงความนับถือ
วิสิทธิชัย
ถ้ามีเงินพร้อมที่จะไถ่ ก็มีหนังสือไปนัดเจ้าหนี้ให้มาที่กรมที่ดินเพื่อที่จะไถ่ถอนจำนองและนำโฉนดมามอบให้ เมื่อถึงวันนัดก็นำเงิน (ควรเป็นเช็คธนาคาร) ไปที่สำนักงานที่ดิน หากเขาไม่มา ก็เก็บเงิน (เช็ค) ไว้ แล้วไปฟ้องศาลเพื่อให้ศาลบังคับให้เขามารับการไถ่ถอน โดยขอให้ศาลสั่งด้วยว่าถ้าเขาไม่มาอีกก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของเขา คุณจะได้นำคำพิพากษาไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองได้ สำหรับดอกเบี้ยนั้น เขาคิดได้เพียงเฉพาะดอกเบี้ยที่ค้างไม่เกิน ๕ ปี