๑. ถ้าที่ดินนั้นเป็นของกรมธนารักษ์ การที่อนุญาตให้ประชาชนเดินมาเป็น ๑๐ ปี ก็ไม่กลายเป็นทางสาธารณะ เพราะที่ราชพัสดุนั้นใครจะยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่ปรากฏว่าที่ดินนั้นอยู่ในโฉนดของกรมธนารักษ์ ก็อาจเป็นที่ดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน คือเป็นทางสาธารณะได้ ข้อเท็จจริงนี้จึงต้องตรวจสอบให้ดี อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นที่ราชพัสดุ หากประชาชนได้อาศัยใช้เดินกันมาเป็นเวลานานแล้ว การที่กรมธนารักษ์จะให้ใครเช่าที่ตรงนั้นไปก็ต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน เพราะกรมธนารักษ์เป็นหน่วยราชการ ที่มิได้มีวัตถุประสงค์ในการค้ากำไร การหาประโยชน์จะต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนด้วย
๒. ก็ต้องทวงคืนทั้งสองทาง แต่หลักสำคัญก็คือต้องดูว่าเป็นที่ดินอะไร
๓. ได้ ถ้ากรมธนารักษ์ยอมให้ประชาชนใช้
๔. ทางสาธารณะ คือ ทางที่ประชาชนทั่วไปมีสิทธิใช้ได้ ส่วนทางเดิน อาจเป็นทางสาธารณะ หรือทางส่วนบุคคล หรือทางที่เจ้าของที่ดินยินยอมให้เดินเป็นการชั่วคราว ก็ได้
๕. ก็ขึ้นอยู่กับว่าหลักฐานที่เรามีอยู่บ่งชี้ไปในทางใด ถ้าชี้ว่าที่ดินนั้นเป็นทางสาธารณะ ไม่ใช่ที่ดินของกรมธนารักษ์ ก็ต้องฟ้องให้เพิกถอนโฉนด (แก้ไขให้ถูกต้อง) แต่ถ้าเป็นที่ดินของกรมธนารักษ์แต่ได้ให้ประชาชนใช้เดิน มาเป็นเวลานาน การปิดทางนั้นทำให้ประชาชนเดือดร้อน ก็อาจต้องขอให้ยกเลิกการเช่าส่วนที่เคยเป็นทางเดิน
๖. ก็ต้องขอไปเสียในคราวเดียวกัน คือขอให้ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตที่ให้ปลูกสร้างอาคาร
คำแนะนำข้างต้นอยู่บนพื้นฐานที่แนะนำตามข้อเท็จจริงเท่าที่ได้จากการบอกเล่า ถ้าข้อเท็จจริงผิดไปคำแนะนำนั้นอาจใช้ไม่ได้
มีชัย ฤชุพันธุ์ 30 มกราคม 2556 |