เรื่องคือ นางสาว ข. ให้เช่าที่ดินแก่นาย ก. ตั้งแต่ปี 2550 โดยสัญญาระบุว่าให้เช่าได้ 3 ปี จากนั้นสามารถต่อสัญญาได้อีก 2 ปี จนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาสัญญาได้หมดลงแล้วนางสาว ข. ได้แจ้งบอกไม่ต่อสัญญาและแจ้งให้นาย ก.ออกจากที่ดินดังกล่าวเนื่องจากนางสาว ข.ต้องการขายที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้อื่น เพื่อนำเงินไปใช้ในบั้นปลายชีวิต (นางสาวข.อายุ70+ปี) แต่นาย ก. ไม่ยอมออกจากที่ดินนั้น โดยอ้างว่าที่ดินนั้นตกเป็นกรรมสิทธิของตนตามการครอบครองโดยปรปักษ์ เนื่องจาก นาง อ. มารดาของนาย ก.ได้ทำสัญญาเช่าที่ดินนี้มาจากนางสาว ข.ตั้งแต่ปี 2545 และนาย ก. ได้อาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวด้วย ดังนั้นจึงอ้างสิทธิตามกฎหมายครอบครองปรปักษ์ ยื่นฟ้องนางสาวข.ให้โอนกรรมสิทธิที่ดินนั้นแก่ตน ทั้งนี้ฝ่ายนางสาว ข.มีหนังสือสัญญาที่ทำไว้กับบุคลต่างๆตั้งแต่ปี 2543 ครบถ้วน และศาลชั้นต้นยกฟ้องแล้ว แต่นายก.ยังไม่ยอมออกจากที่ดิน และต้องการยื่นอุทธรณ์+ฎีกาต่อ
- คำถามของผมคือ 1.ในขณะนี้สิทธิในที่ดินยังเป็นของนาย ก.อยู่หรือไม่ นาย ก.ยังมีสิทธิในการใช้ประโยชน์จากที่ดินนี้หรือไม่
2. กรณีนี้ถ้าถึงศาลอุทธรณ์ หรือ ฎีกา จะต้องใช้เวลากี่ปี สามารถเร่งรัดฟ้องขับไล่ได้หรือไม่
3. สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหาย จากการเสียโอกาสนำเงินที่ได้จากการขายที่ไปทำประโยชน์อื่นได้หรือไม่
ขอบคุณครับ
1. ก็ที่ดินเป็นของ นางสาว ข.ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงถามว่า สิทธิในที่ดินยังเป็นของนาย ก.อยู่หรือไม่
2. ถ้าจะฟ้องขับไล่ ก็ฟ้องได้เลยไม่ต้องรอ อันที่จริงตอนแรกที่เริ่มต้นคดี ก็ควรฟ้องแย้งเพื่อขับไล่เขาออกไป ถ้าไม่ได้ทำเพราะไม่มีทนายความ ก็ควรรีบหาทนายความเสียโดยเร็ว มิฉะนั้นอาจเสียที่ดินได้
3. ถ้าพิสูจน์ความเสียหายได้ก็ฟ้องได้เสมอ