เมื่อปี 2546 ดิฉันซื้อที่ดินแปลงหนึ่งพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นที่มีโฉนดห้ามโอน 10 ปี จะครบ 10 ปี ในปี 2554 เมื่อทำสัญญาซื้อขายและจ่ายเงินกันแล้ว ก็ได้ย้ายเข้าไปอยู่ตามปกติเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของ ต่อมาเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2555 ดิฉันได้พาเจ้าของที่ดินเดิมไปโอนที่ดินเป็นชื่อดิฉันที่สำนักงานที่ดิน(ที่ดินแปลงนี้ไม่ติดจำนองหรือภาระอื่นใด) ซึ่งพ้นระยะเวลาห้ามโอน 10 ปี มาแล้ว เมือปลายเดือนกรกฎาคม 2555 ได้มีหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน ให้ดิฉันไปพบวันที่ 15 ส.ค.2555 นี้ ดิฉันเพิ่งมาทราบว่าเจ้าของที่ดินเดิมไปค้ำประกันเงินกู้ไว้ เมื่อประมาณปี 2550 และถูกฟ้องร่วมกับลูกหนี้ แต่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินเลย เจ้าหนี้จึงจะมาบังคับเอากับผู้ค้ำประกัน ดังนั้นเจ้าหนี้จึงไปแจ้งความที่โรงพักว่าผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเดิม ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินให้ดิฉัน และเจ้าหนี้ได้ไปยื่นคำร้องให้เพิกถอนโฉนดที่เป็นชื่อดิฉันที่สำนักงานที่ดิน
คำถาม
1.ที่ดินแปลงนี้ดิฉันได้กรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์หรือยังใช้ยันกับเจ้าหนี้ของเจ้าของที่ดินเดิมได้หรือไม่ คำร้องขอให้เพิกถอนจะมีผลใดๆ หรือไม่
2.ในคดีอาญาที่ตำรวจมีหมายเรียกดิฉันให้ไปพบจะมีผลอะไรกับดิฉันหรือไม่ เพราะดิฉันได้ทำสัญญาซื้อขายกันก่อนที่ เจ้าของเดิมจะไปค้ำประกันเงินกู้รายนี้
ขอบพระคุณอาจารย์
1. ก็ขึ้นอยู่กับว่าในการโอนที่ดินนั้นเป็นไปโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนหรือไม่ ถ้าเป็นการสมยอมกัน เจ้าหนี้เขาอาจเพิกถอนได้ ดังนั้นจึงไม่ควรนอนใจ ควรเข้าไปดูว่า คนที่ขายที่ดินให้คุณเขาต่อสู้คดีอย่างไร
2. คุณก็ต้องไปชี้แจงให้ตำรวจเขาฟัง