เงินเบี้ยเลี้ยงชีพผู้สูงอายุที่ล้มละลายต้องมอบให้กรมบังคับคดีหรือไม่
ขอเรียนถามท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพ
คุณแม่ของกระผมถูกศาลพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อประมาณ ต้นปี 2551 โดยไม่ทราบเรื่องมาก่อนเนื่องจากย้ายบ้านมาเลี้ยงหลานมาก่อนหน้านั้นแล้วโดยไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร และไม่มีทรัพย์สินอะไรเนื่องจากค้าขายขาดทุนในช่วงปี 2538 และอายุมากแล้ว จนเมื่อต้นปี 2552 ที่ผ่านมา ผมได้ย้ายทะเบียนบ้านแม่และพ่อมาจากต่างจังหวัดมาที่บ้านนนทบุรีเพื่อทำบัตรทองสุขภาพ แต่เพียงไม่ถึงสัปดาห์ ที่บ้านผมก็หมายเรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกกลางปี 2552 นี้ ผมจึงได้พาคุณแม่ไปพบเจ้าพนังงานพิทักษ์ทรัพย์ที่กรมบังคับคดีในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกตามที่ได้รับคำแนะนำและได้แจ้งข้อมูลทรัพย์สินลูกหนี้แล้วในวันเดียวกัน (ตรงกับช่วงเหตุการณ์สลายม๊อบเสื้อแดงซึ่งกรมได้เลื่อนการประชุมออกไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ทุกคดีโดยไม่มีหน้งสือแจ้งผู้เกี่ยวข้อง) ผมใคร่ขอเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ครับ
1. ในวันประชุมมีเจ้าหนี้ 2 ราย จาก 3 ราย (รับมอบอำนาจมา) เจ้าหนี้อีกสองรายเท่าที่ทราบเป็นสถาบันการเงินที่รับซื้อหนี้เสียจากเจ้าหนี้สถาบันการเงินครับ ขอเรียนถามว่า การประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวจะถือว่าถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเจ้าหนี้ที่ไม่มาจะคัดค้านได้หรือไม่ เพราะผมเข้าใจว่า กรณีดังกล่าวน่าจะมีผลต่อกำหนดระยะเวลาล้มละลาย 3 ปี ต้องเริ่มต้นกันใหม่ ผมสงสารคุณแม่ครับ ท่านเครียดมาตลอดในหนี้ที่ไม่ตั้งใจจะก่อ
2. จากเอกสารที่ขอถ่ายจากแฟ้มของเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี พบว่าธนาคารไทยพาณิชย์เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ ได้เคยฟ้องคุณแม่กระผมเป็นคดีแพ่งตั้งแต่ปี 2536 ต่อศาลในต่างจังหวัด (บ้านเดิมคุณแม่) และบังคับขายทอดตลาดที่ดินจัดสรรที่คุณแม่เคยซื้อจากเจ้าหน้าที่ที่ดินต่างจังหวัด (หารายได้นอกราชการและมาชักชวนชาวบ้านให้ไปซื้อ) โดยคุณแม่ได้ทำสัญญากู้ไว้กับธนาคารดังกล่าวโดยมีเจ้าหน้าที่ที่ดินนั้นเป็นผู้ค้ำประกัน เจ้าหน้าที่ดังกล่าวถูกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม รวมยอดหนี้เดิมประมาณ 8 แสนกว่าบาท (เดิมกู้เพียง 3 แสนบาท) และตามคดีล้มละลายนี้ ยอดหนี้รวมดอกเบี้ยกลายเป็น 3 ล้านกว่าบาท ซึ่งได้แจ้งเจ้าหน้าที่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ให้กรอกในบัญชีทรัพย์ลูกหนี้ว่า เป็นหนี้มีประกัน ไม่ทราบว่า ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องดำเนินการอย่างไร เนื่องจากขณะนี้คุณแม่รอหมายแจ้งให้ไปศาลล้มละลายกลางเพื่อไต่สวนและสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย 3 ปี (ตามทีได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กรม)
3. ผมได้ให้เงินคุณแม่และคุณพ่อเพื่อใช้จ่ายซื้ออาหาร นั่งรถเมล์ไปตลาด เป็นประจำเดือนละ 4,000 บาท ได้แจ้งเจ้าหน้าที่แล้ว เจ้าหน้าที่บอกไม่ต้องเขียนในบัญชีทรัพย์สิน กรณีเช่นนี้ต้องแจ้งศาลด้วยหรือไม่ครับในวันไปศาล หรือสามารถแถลงตามที่ได้แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่กรมในวันประชุมเจ้าหนี้ดังกล่าวครับ
4. หลังจากที่ได้รับหมายเรียกประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกดังกล่าว มีหนังสือจากทางองค์การโทรศัพท์ (น่าจะเปลี่ยนชื่อแล้ว) ส่งมาที่บ้านนนทบุรี แจ้งให้คุณแม่ไปชำระหนี้ค้างค่าโทรศัพท์ 13,000 บาท ซึ่งคุณแม่ไม่ได้ค้าขายนานแล้วและไม่เคยเปิดใช้โทรศัพท์เลย มีแต่คุณพ่อเท่านั้นที่เคยขอเปิดหมายเลขไว้ใช้ที่บ้านในต่างจังหวัด จะต้องดำเนินการอย่างไรครับ
5. ปลายปีนี้คุณแม่จะมีอายุครบ 60 ปี (แจ้งเกิดช้าไป 2 ปี) ซึ่งจะมีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากเทศบาล ผมเข้าใจว่าเงินเบี้ยยังชีพจำนวน 500 บาทนี้ ต้องแจ้งและส่งมอบให้เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีหรือเปล่าครับ เดินทางไปกลับกรมบังคับคดีก็แทบจะไม่เหลืออะไรแล้วครับ หรือว่าไม่ต้องไปรับเงินดังกล่าวจะดีกว่าครับ
6. คุณแม่เครียดมาโดยตลอดนับแต่ที่ทราบเรื่อง ผมเลยกะว่าปลายปีนี้ผมจะพาคุณแม่ไปเที่ยวหรือเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดสัก 1 สัปดาห์ ช่วงปีใหม่ ครับ ผมจะต้องแจ้งเจ้าหนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือไม่ครับ โดยเฉพาะสามารถข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านสักครึ่งวันได้หรือไม่ครับ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงที่จะได้ไขข้อข้องใจเพื่อจะได้ปฏิบัติตัวให้ถูกต้องครับ
พ่อลูกอ่อน |