กราบสวัสดีค่ะ

ขอเรียนถามค่ะ

ดิฉันเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมายบิดาและมารดาจดทะเบียนกันอย่างถูกต้องค่ะ

ปี 2543 บิดาได้ยกที่ดินจำนวนหนึ่งให้กับดิฉัน เป็นทรัพย์ส่วนตัว

ปี 2548 ดิฉันได้ขายที่ดินที่บิดายกให้ ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง

ปี 2550 มารดาตกเป็นบุคคลล้มละลายจากการขาดส่งบ้าน (ทรัพย์สินส่วนตัวของมารดาค่ะ)

เมื่อต้น ปี 2553 มารดาได้พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลาย ประกาศในราชกิจจาฯแล้วค่ะ

เนื่องจากว่าบิดาเป็นคนที่ค่อนข้างเจ้าชู้มีบ้านเล็กบ้านน้อยหลายที่ และดิฉันมีความจำเป็นที่จะต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศ ดิฉันอยากจะโอนทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เป็นของมารดาแต่เพียงผู้เดียว เพื่อที่ว่ามารดาจะได้สะดวกในการใช้จ่ายค่ะ

จึงอยากเรียนถามดังนี้ค่ะ

1. ทรัพย์สินที่จะโอนให้มารดาจะเป็นทรัพย์สินส่วนตัวหรือไม่คะ ถ้าต้องการให้เป็นสินส่วนตัวของมารดาผู้เดียวจะต้องทำอย่างไร

2. เจ้าหนี้เก่าของมารดา ( ที่ทำให้ล้มละลายไปเมื่อปี50 และประกาศพ้นล้มละลายในปี53) จะมาทวงถาม หรือร้องต่อศาล เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้มาใหม่นี้หลังการล้มละลายที่ผ่านพ้นไปได้หรือไม่คะ ดิฉันต้องทำหลักฐานอะไรไว้หรือเปล่าคะว่าเป็นเงินของดิฉันที่ดิฉันให้มารดาไว้จริงๆๆๆ

3. เมื่อโอนเงินไปให้มารดาแล้วเงินที่ดิฉันให้เป็นสินส่วนตัวของมารดาหรือไม่คะ แล้วมารดาควรทำพินัยกรรมไว้ว่าอย่างไร เผื่อมีอะไรเกิดขึ้น เงินจะได้กลับมาเป็นของดิฉันดังเดิม

กราบขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ

1. ถ้าคุณยกทรัพย์สินให้มารดา  ทรัพย์สินนั้นก็เป็นสินส่วนตัวอยู่แล้ว  แต่คงไม่ได้แก้ปัญหาที่คุณเป็นห่วงได้ เพราะถึงจะเป็นสินส่วนตัว บิดาก็คงหยิบฉวยจากมารดา หรือขอให้มารดาแบ่งให้ได้ คนอยู่ด้วยกันคงยากที่จะแยกทรัพย์สินออกจากกันโดยเด็ดขาดถึงจะเป็นสินส่วนตัวก็ตามเถอะ  ถ้าสิ่งที่คุณจะให้เป็นเงินสด ก็ทำไมไม่เปิดบัญชีให้มารดา แล้วก็ค่อย ๆ ทะยอยส่งเงินเข้าบัญชีนั้นตามจำนวนอันสมควร ตามระยะเวลาที่จะไม่ทำให้คุณต้องวุ่นวาย เช่น ส่งเงินเข้าบัญชีทุกสามเดือนหรือหกเดือนตามจำนวนที่คิดว่าควรเพียงพอกับค่าใช้จ่าย  อนึ่ง การที่มารดาคุณถูกฟ้องล้มละลายเพราะเหตุเรื่องการซื้อบ้านนั้น ถ้าตรวจสอบใหดีก็จะพบว่า ความเข้าใจของมารดาคุณในผลของกฎหมายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตนนั้นน่าจะไม่ค่อยรู้เรื่องนัก โดนทรัพย์สินทั้งหมดไปให้ ก็เสี่ยงต่อการหมดได้โดยไม่ได้ใช้จ่ายเอง

2. ถ้าพ้นจากล้มละลายแล้ว เจ้าหนี้เก่าก็กลับมาตามทวงไม่ได้ เว้นแต่เป็นหนี้บางอย่าง

3. ก็อาจทำได้โดยทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินนั้นคืนให้คุณ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีปัญหา