ดิฉันแต่งงานกับสามี  แต่ไม่ได้จดทะเบียน  มีลูกสาว 2 คน (สามีเป็นคนแจ้งเกิด  เรียกว่ายังไม่มีการรับรองบุตรหรือเปล่า-ไม่แน่ใจ)  ดิฉันมีความรู้ หน้าที่การงานและฐานะทางบ้านดีกว่าของสามีมาก

สามีไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงไม่ดี(เด็กร้าน karaoke ดูดยาบ้า กินเหล้า เล่นการพนันฯ)มากกว่า6 เดือน  วันนึงผู้หญิงได้ขโมยทองสามีไปขาย  สามีเอาเรื่องถึงโรงพัก  ผู้หญิงจึงซัดทอดว่าได้ท้อง 2 เดือนกับสามี(ไม่รู้ว่าแบล็คเมย์หรือเปล่า สามีก็ไม่แน่ใจและไม่รับ)  สามีอยากให้เรื่องจบก็เลยยกทองให้ เพื่อให้ผู้หญิงไม่เอาเรื่อง โดยมีบันทึกประจำวันตอนนึงว่า "สามีมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวและทำให้ตั้งครรภ์ สามีจึงยกทองให้เป็นค่าชดเชยฯ"  หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับสามีอีก  จนผู้หญิงคลอดลูกเป็นผู้ชาย(อายุขวบกว่า)  จึงส่ง mms มาหาดิฉันว่า"เป็นเมียอีกคนมีลูกกับสามีเป็นผู้ชายอายุขวบกว่า"(ดิฉันเพิ่งรู้เรื่อง เสียใจมากๆ)  สามีไป clear กับผู้หญิงคนนั้น  ก็บอกว่าอยากให้ส่งเงินให้เด็กบ้าง  แต่สามีก็บอกว่าอย่ามายุ่งอีก  ถ้ามายุ่งจะบอกตำรวจเรื่องยาบ้า  และไม่ได้ส่งเงินให้   ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มาวุ่นวายอีก

1.บันทึกประจำวันถือเป็นหลักฐานว่า สามีทำผู้หญิงท้องจริงและยอมรับเป็นพ่อเด็กหรือไม่  และทองที่ให้ไปถือว่าเป็นค่าชดเชยทั้งในเรื่องท้อง ค่าเลี้ยงดูเด็กได้หรือไม่ (ถ้าเด็กเป็นลูกของสามีจริง) และจะฟ้องร้องอีกไม่ได้

2.ผู้หญิงคนนั้นสามารถเรียกค่าเลี้ยงดูเด็กจากสามีอีกได้หรือไม่ (สามีไม่ยอมรับเด็ก แต่ไม่มั่นใจ)

3.ทรัพย์สมบัติเป็นชื่อของดิฉันทั้งหมด  ดังนั้นดิฉันมีสิทธิแต่เพียงผู้เดียว  สามีไม่มีสิทธิมาเรียกร้องแม้สมบัติที่สร้างขึ้นระหว่างอยู่กินกันมา  ดิฉันเข้าใจถูกหรือเปล่า 

4.ดิฉันควรจดทะเบียนกับสามีหรือเปล่า  (ดิฉันไม่ให้ความสำคัญในทะเบียนสมรส  แต่ไม่เข้าใจในผลทางกฎหมายดีพอ  ดิฉันแคร์ในเรื่องความรู้สึกของดิฉัน&ลูกๆมากกว่า  ถ้ามีปัญหาแล้วไม่มีความสุขก็เดินออกมา  ขอมีลูกทั้งสองอยู่กับดิฉันก็พอ)

   - เพื่อเป็นเมียถูกต้องตามกฎหมาย  แต่ก็กลัวสมบัติจะต้องแบ่งคนละครึ่งกับสามี  ถ้าเกิดปัญหามือที่3 ในอนาคตขึ้นอีก  จนทนไม่ได้ต้องหย่ากับสามี (และกลัวสามีไม่หย่าให้  สามีรักลูกมาก)  แต่ก็กลัวลูกของดิฉันจะไม่มีสิทธิในมรดกที่สร้างขึ้นในอนาคตทั้งหมด

   - เพื่อฟ้องร้องผู้หญิงคนนั้นถ้ามาวุ่นวายอีก แต่ก็กลัวเด็กคนนั้นเป็นลูกสามี  และต้องส่งค่าเลี้ยงดู  (ใจจริงดิฉันไม่อยากมีเรื่อง  กลัวถ้าตรวจ dna แล้วใช่ลูกของสามี  แล้วจะรับไม่ได้จนต้องเลิกกับสามี)

5.ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของสามี  ทรัพย์สมบัติที่ดิฉันกับสามีสร้างกันมา(ทรัพย์สมบัติเป็นชื่อดิฉันทั้งหมด) จะต้องแบ่งให้เด็กคนนั้นด้วยหรือเปล่า  ดิฉันควรพิทักษ์ทรัพย์อย่างไรดี เพื่อให้มรดกเป็นของลูกดิฉันทั้งหมด(มรดกทั้งปัจจุบันและอนาคต)

6.ดิฉันควรให้สามีไปจดรับรองบุตรของดิฉัน  หรือทำพินัยกรรมยกมรดกทั้งหมดให้ลูกของดิฉันดี?  เพื่อให้มรดกเป็นของลูกดิฉันทั้งหมด(ทั้งที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต) ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของสามี(ไม่อยากให้มาเรียกร้องในอนาคต  ถ้าจะให้ก็จะแบ่งให้เอง)

7.ถ้าสามีทำพินัยกรรมตอนนี้  ระบุให้ดิฉันเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมดได้หรือไม่  ทั้งที่มีอยู่และในอนาคต (หวงสมบัติให้ลูกๆไม่ใช่เพื่อตัวเอง)

8.ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของสามีจริง  เด็กคนนั้นจะไม่สามารถมีสิทธิในมรดก  กรณีใดบ้าง(ในแง่ทางกฎหมาย)

ขอบคุณค่ะ

1. เมื่อไปลงบันทึกไว้กับตำรวจยอมรับว่าได้ทำเขาท้องจริง ก็เป็นหลักฐานเบื้องต้นได้ ส่วนทองที่ยกให้เขานั้นถ้าข้อความที่ลงบันทึกมีเพียงเท่าที่เล่ามา ก็แปลว่าเป็นการตกลงในเรื่องความเสียหายของฝ่ายหญิง แต่ไม่เกี่ยวกับค่าเลี้ยงดูเด็ก

2 ถ้าเด็กนั้นเป็นลูกของสามีคุณจริง เขาก็มีสิทธิเรียกค่าเลี้ยงดูได้

3. ถ้าทรัพย์สินนั้นคุณทำมาหาได้คนเดียว ก็เป็นของคุณคนเดียว แต่ถ้าได้ร่วมกันทำมาหาได้ เขาก็อาจมีส่วนในทรัพย์สินนั้นครึ่งหนึ่งในฐานะเป็นหุ้นส่วนกัน

4. คนนอกคงแนะนำไม่ได้ว่าควรจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ เพราะอยู่ที่ทัศนคติของแต่ละคน แต่ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรส ความผูกพันฐานสามีภรรยาตามกฎหมายก็ไม่มี ต่างฝ่ายต่างมีอิสระ

5. ถ้าสามีคุณจดทะเบียนรับรองเด็กเป็นบุตร หรือถูกฟ้องในภายหลังให้รับรองเด็กเป็นบุตร เด็กคนนั้นก็จะมีสิทธิในทรัพย์ที่เป็นมรดกของสามีคุณได้  การที่ทรัพย์สินอยู่ในชื่อคุณคนเดียวบางทีก็ไม่ได้แปลว่าเป็นสิทธิของคุณคนเดียวทั้งหมด  ถ้าทรัพย์นั้นได้ร่วมกันทำมาหากินจนเกิดงอกเงยด้วยกัน เขาก็ย่อมมีสิทธิในทรัพย์สินนั้นตามข้อ 3

6. การจดทะเบียนรับรองลูกคุณเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของสามีนั้น ควรทำอย่างยิ่ง ส่วนเรื่องพินัยกรรมนั้น ไม่ได้มีหลักประกันอะไร ทำแล้วก็ยกเลิกและทำใหม่ได้

7. ทำได้ จะระบุให้คุณเป็นผู้จัดการมรดกคนเดียวก็ทำได้ แต่การเป็นผู้จัดการมรดกไม่ได้แปลว่าคุณจะเอาทรัพย์มรดกไปให้ใครต่อใครหรือไม่ให้ใครตามที่ต้องการได้  ผู้จัดการมรดกมีหน้าที่ต้องแบ่งมรดกให้แก่ทายาทตามสิทธิที่แต่ละคนจะมีอยู่ หากมีพินัยกรรมก็ต้องแบ่งตามพินัยกรรม หากไม่มีพินัยกรรมก็ต้องแบ่งตามที่กฎหมายกำหนด

8. เมื่อสามีคุณทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้คนอื่นไปจนหมด