สินสมรส กับ สินส่วนตัว พันกันยุ่งเหยิง
เรียนถาม อ.มีชัย
ดิฉันได้จดทะเบียนสมรส เมื่อเมษายน ปี 2539 ในการจดทะเบียนทั้งสองฝ่ายไม่ได้แจ้งว่ามีทรัพย์สินส่วนตัวก่อนสมรส
ดิฉันมีสินส่วนตัวคือ
1.บ้าน100 ตรว. ที่แจ้งวัฒนะ ขณะนี้ราคา 6 ล้านบาทโดยพ่อทำหนังสือยกให้ในเดือนเมษายน 2539 แต่ดิฉันต้องผ่อนหนี้สินที่ติดอยู่กับบ้านหลังนี้ 5แสนบาท กับธนาคาร และได้ไถ่ถอนเมื่อ กุมภาพันธ์ 2542
2.บ้าน40ตรว.ที่หลักสี่ ซื้อไว้ก่อนสมรส หลังแต่งงานยังผ่อนอยู่ แต่ได้ขายไปเมื่อปี 2540 ดิฉันนำเงินที่ขายได้ส่งไปให้แม่ดาวน์ซื้อบ้านที่ Australia
ส่วนของสามี เท่าที่ดิฉันทราบน่าจะมีสินส่วนตัวก่อนสมรสคือ
1.คอนโดพัทยา ซื้อไว้ก่อนสมรส ผ่อนต่อมาจนเพิ่งให้ดิฉันเซ็นปลดจำนองจากธนาคารเมื่อเดือนตุลาคม2552
2.คอนโดที่ธนาซิตี้ สามีบอกว่าแม่ยกให้ก่อนแต่งงานแต่ต้องผ่อนเอง ตอนนี้ยังผ่อนไม่หมด
สินสมรส ที่เกิดหลังสมรส เท่าที่ดิฉันทราบ
1.รถยนต์ CRV 1 คัน ของดิฉันออกเงินซื้อเอง
2.สามีซื้อที่ดินภูเก็ตร่วมกับพี่เขย แต่ภายหลังพี่เขยต้องการที่ดินทั้งผืนไปทำโรงแรมจึงทำการแลกทรัพย์สินกันกับคอนโดที่ประสานมิตรตกลงกันในราคา10ล้านบาท ยังคงค้างจ่ายพี่เขยอีก 3 ล้านบาท
3.บ้านและที่ดินหลังใหญ่ ย่านสาทร เป็นที่กงสี เพิ่งขายได้เมื่อ เดือนที่แล้วนี้ โดยเงินที่ได้แบ่งออกเป็น 5ส่วน คือ พ่อ และพี่น้อง 4 คน ดิฉันไม่ทราบว่าสามีได้เงินเท่าไหร่(แต่คิดว่ามากกว่าที่สามีบอก) เขาบอกว่าได้รับส่วนแบ่งมา12 ล้าน ซึ่งตอนที่ขาย สามีให้ดิฉันเซนชื่อยินยอมให้ขายด้วย ตัวดิฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าถ้าเป็นสมบัติสินส่วนตัว ทำไมดิฉันต้องเซน แต่สามีบอกว่าให้เซน และ จะแบ่งเงินให้บ้างพร้อม สัญญาว่าเรื่องของดิฉัน เขาก็จะเซนให้เหมือนกัน
ปัญหาของดิฉันคือ ดิฉันแอบไปดาวน์คอนโดที่สุขุมวิทไว้โดยไม่ได้บอกสามี ไม่อยากให้เป็นสินสมรส ตอนนี้คอนโดใกล้จะเสร็จแล้ว กำลังจะต้องรับมอบสิ้นเดือนนี้ ดิฉันตั้งใจว่าจะเอาบ้านที่เมืองทองไปจำนองเพื่อเอาเงินมาซื้อ โดยให้คอนโดเป็นชื่อของแม่ ดิฉันโกหกสามีว่าจะเอาเงินไปให้แม่ลงทุนสร้างแฟลตให้คนเช่าบนที่ว่างหลังบ้านที่Australia แต่สามีไม่ยอมเซนยินยอมให้กู้ บอกว่าให้นัดแม่ มาคุยชี้แจง ว่าได้คุ้มทุนมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแม่ไม่พอใจมาก เพราะเป็นเรื่องภายในครอบครัวเรา
ดิฉันจะขอหย่าได้ไหมค่ะ จะได้หมดเรื่องราว เพราะ ตอนนี้ทรัพย์สินกำลังพันกันยุ่งเหยิง แต่จะด้วยสาเหตุอะไรได้บ้างค่ะ
สามีเคยจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้เดือนละ5000บาทในปีแรกที่แต่งงานแล้วขึ้นให้เป็น1หมื่นบาทในปีที่สองแต่ในปีที่สามไม่ได้ให้อีกเลย ทุกวันนี้ดิฉันจ่ายเงินค่าอาหาร ของใช้ในบ้านคนเดียวเดือนละประมาณ 1หมื่นบาท ค่าเรียนพิเศษและค่ารถโรงเรียนลูก ซึ่งเคยตกลงว่าจะจ่ายกันคนละครึ่งแต่ไม่เคยให้เงินเลย ตั้งแต่แต่งงานปีที่3 แต่ค่าเทอมของลูก สามียอมจ่ายให้ทุกปี ตัวสามีจะเป็นคนจ่ายค่าเงินเดือนคนรับใช้อย่างเดียว จริงๆเขาจะให้ดิฉันจ่ายครึ่งหนึ่งด้วยแต่ดิฉันบอกให้เขาจ่ายเอง ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ค่าน้ำไฟ โทรศัพท์ พ่อสามีจ่ายเพราะอยู่บ้านกงสี
สามีดื่มเบียร์ทุกวันๆละ3ขวดแต่ไม่อาละวาดแต่ว่าเหม็นรำคาญ ดิฉันแยกห้องกันนอนคนละห้องและไม่มีเพศสัมพันธ์กันมาเลยตั้งแต่ปี2545ดิฉันเคยจับได้ว่ามีผู้หญิงอื่นด้วยบ่อยครั้งจนเบื่อขี้เกียจตาม จนปัจจุบันก็มีหญิงอื่นตลอดเวลา แต่คงจะเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆดิฉันไม่ได้สนใจ
ดิฉันเคยพูดขอหย่าโดยอ้างว่าอยากจะทำเรื่องขอเป็นCitizen ที่ Australia ตามแม่ไปเพื่อสิทธิ์ประโยชน์ถือครองบ้านที่โน้นเพราะเขาไม่ยอมให้คนสัญชาติอื่นถือครองบ้าน ถ้าแม่เป็นอะไรไปต้องถูกบังคับให้ขาย แต่ดิฉันยังต้องใช้เวลาทำเรื่องอยู่ เขาบอกว่าทำเรื่องผ่านจะหย่าให้แต่สมบัติของใครของมัน ดิฉันมีลูกด้วยกันคนเดียวอายุ12ปี เขาบอกว่าต้องยกให้เขาเป็นผู้ดูแลเพียงผู้เดียว และดิฉันจะเรียกร้องขออะไรจากการแต่งงานไม่ได้ จึงจะยอมหย่า
1. ถามว่า ฟ้องหย่าได้ไหมค่ะ สาเหตุใดค่ะ
2. สินส่วนตัวของดิฉัน มองดูแล้ว จริงๆมันคือสินสมรสใช่หรือไม่ค่ะ
3. ตกลงดิฉันมีอะไรเป็นสินสมรสบ้างค่ะ บ้านใหญ่ของเขาที่เพิ่งขายได้ดิฉันควรได้ส่วนแบ่งด้วยหรือไม่ค่ะ เพราะเขาเคยพูดว่าไม่ต้องห่วงจะแบ่งให้บ้าง
4. ถ้าหย่าดิฉันควรร้องขอแบ่งสินสมรส หรือไม่ หรือว่าของใครของมันดีค่ะ
5. ดิฉันควรร้องขอค่าเลี้ยงดูใช่หรือไม่ค่ะ เคยถามว่าดิฉันได้อะไรจากการแต่งงานนี้บ้าง สามีบอกว่าไม่ให้
6. ทำไมเขาต้องการได้ลูกไปดูแลคนเดียว ตัวดิฉันทำงานรัฐวิสาหกิจ มีรายได้มากกว่า 5หมื่น บาท ส่วนสามี ทำธุรกิจ หลายอย่างเพิ่งจะเปิดโรงงานเล็กๆจากเงินสมบัติมาลงทุนซึ่งยังมีรายได้ไม่แน่นอนมันมีข้อดี ข้อเสียเปรียบ สำหรับเราอย่างไรค่ะ
7. ดิฉันอยากรีบหย่าก่อนสิ้นเดือนนี้เพราะคอนโดใกล้เสร็จแล้วค่ะ เขานัดตรวจคอนโดสิ้นเดือนนี้ค่ะ |