เรียนท่านมีชัย
ดิฉันขอเล่าเรื่องความเป็นมาเป็นไปของเรื่องมีอยู่ว่าครั้งหนึ่งสามีเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่งขณะที่เราแยกกันอยู่โดยที่ผู้หญิงคนนี้มากับเพื่อนแล้วเพื่อนขอตัวไปทำธุระปล่อยให้ทั้งคู่อยู่กันตามลำพังที่ห้องพักแล้วทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์กัน ผ่านไป 5 เดือนผู้หญิงทั้ง 2 คนมาฟ้องนายของสามีว่าสามีทำเขาท้องได้ 5 เดือน ขอเรียกร้องค่าเสียหายโดยต้องจ่ายเงินให้ผู้หญิงคนนี้ไป 16000 บาท พอดิฉันกลับบ้าน เพื่อนผู้หญิงที่ท้องก็มาบอกให้ดิฉันรับทราบว่าสามีของดิฉันไปทำเพื่อนเขาท้องได้ 7-8 เดือนแล้ว เคยเอาเงินไปให้ และไม่เคยไปดูแลสนใจเลยอยากจะมาขอเงินเป็นค่าใช้จ่ายบ้าง..ผลคือครอบครัวเราเกือบพังดิฉันขอหย่าแต่สามีสาบานว่าเขาจะไม่ทำอีกแล้ว เพราะเขาประมาทพลาดพลั้งไปเพียงครั้งเดียวไม่เคยไปมาหาสู่หรือรับเลี้ยงใดๆเลยผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ..แล้วเด็กคลอดต้นเดือน มกราคม .ปี2537 แสดงว่าผู้หญิงคนนี้เริ่มตั้งครรภ์ในช่วง เดือน เมษายน..จึงทำให้เราคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของสามี เพราะในช่วงตั้งแต่กลางเดือน มีนาคมถึง กลางเืดือนพฤษภาคม ดิฉันจะอยู่บ้านกับสามีและเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดจึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ผู้หญิงคนนี้จะมาหาได้เพราะดิฉันอยู่บ้าน และเมื่อเรากลับบ้านได้ไปตรวจว่าทำไมเราจึงไม่มีลูก ผลการตรวจปรากฏว่าดิฉันปกติดี แต่สามีเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้โดยวิธีธรรมชาติ เราจึงไม่เคยไปสนใจใยดีกับเด็กคนนี้เลย เพราะเรารู้แล้วว่าถูกผู้หญิงคนนี้แบล็กเมลล์ จนอยู่มาเมื่อปี2553 ดิฉันกรอกข้อมูลมีชื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งว่าเป็นบุตร ในทะเบียนกรมบัญชีกลาง ดิฉันคิดว่าคงจะมีข้อมูลอะไรผิดพลาดและให้เจ้าหน้าที่ลบออก และดิฉันก็สงสัยค้นหาตัวตน จึงรู้ว่าเป็นเด็กที่เกิดกับผู้หญิงคู่กรณี โดยนำชื่อสามีไปแจ้งเกิดว่าเป็นบิดาทั้งที่ไม่เคยไปแจ้งเกิดหรือรับรู้อะไรเลย การกรอกข้อมูลต่างๆก็แจ้งว่าไม่มีบุตร เสียภาษี หรืออะไรก็ไม่เคยแจ้งว่ามีบุตร ดิฉันมีข้อสงสัยดังนี้
1. เด็กคนนี้จะมีผลทางกฎหมายอะไรกับครอบครัวเราหรือไม่เรารับราชการทั้งคู่
2.ดิฉันควรจะทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ดี ปัจจุบันเด็กอายุ 18 ปี
1. ในขณะนี้ไม่น่าจะมีอะไร จะมีก็ต่อเมื่อสามีคุณตาย อาจมีการฟ้องร้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรเพื่อรับมรดกได้ ทางที่ดีคุณจึงควรแก้ไขข้อมูลในเอกสารที่กรมบัญชีกลางเสียทันที และควรตรวจสอบให้ชัดเจนว่าปรากฏชื่อบุตรในเอกสารของทางราชการได้อย่างไร สามีคุณเป็นคนระบุลงไว้หรือไม่ หรือระบุเพื่อประโยชน์ในการรับสวัสดิการ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นคงจะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น
2. คุณคงทำอะไรไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรเด็กก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ ถ้าจะมีความเกี่ยวข้องก็อาจเป็นบุตรนอกสมรสของสามีคุณ (ถ้าเขาเป็นบุตรจริง)