ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    030561 การขอกลับเข้ารับราขการครูลูกกตัญญู23 สิงหาคม 2551

    คำถาม
    การขอกลับเข้ารับราขการครู

    ดิฉันขอรบกวนถามข้อข้องใจเกี่ยวกับการขอกลับเข้ารับราชการครูค่ะ  พอดีทราบมาว่าสามารถทำได้  แต่ต้องการจะทราบว่าการกลับเข้ารับราชการนี้จำเป็นต้องขึ้นกับสังกัดเดิมหรือไม่

    เรื่องของดิฉันมีอยู่ว่า  ดิฉันเป็นคนทางภาคใต้แต่มาสอบบรรจุครู กทม.  วิชาเอกภาษาไทยได้  ในปีที่ดิฉันสอบนั้นบุคคลใดที่สอบได้จะต้องทำสัญญากับทางกทม.ในวันที่สอบสัมภาษณ์ว่า  หากได้รับการบรรจุจะต้องทำงานให้กับกทม.เป็นเวลาอย่างน้อย  3  ปีก่อนจึงจะมีสิทธิย้ายออกต่างจังหวัด  แต่เท่าที่ดิฉันทราบมีครูรุ่นพี่หลายคนที่ได้บรรจุก่อนหน้าดิฉันซึ่งเค้าเหล่านั้นไม่ได้ติดสัญญา  3 ปีเหมือนกับดิฉันเลย  เค้าได้ทำเรื่องขอย้ายหลายต่อหลายครั้งก็ไม่สามารถย้ายได้  ด้วยเหตุนี้  ดิฉันซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่ง  คือ  บิดาและมารดาสุขภาพไม่ดี  แพทย์ลงความเห็นว่าควรมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด  ซึ่งในการเขียนเรื่องขอโอนนั้นดิฉันได้ยื่นในปีแรกที่ดิฉันได้บรรจุ  โดยพร้อมกันนั้นดิฉันได้ยื่นใบรับรองแพทย์ของบิดามารดาประกอบกับเรื่องการขอโอนย้าย  แต่ทางสำนักการศึกษา กทม.  กลับไม่พิจารณายกเว้น  หรือชี้แนะหนทางใด ๆ ให้กับดืฉันเลย  บอกแต่ว่าคุณสมบัติยังไม่ครบ  นั้นก็คือ  รับราชการยังไม่ครบ  3  ปีนั่นเอง  ดิฉันจึงต้องจำใจลางานเพื่อเดืนทางกลับบ้าน  ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก  เพื่อกลับมาดูแลบิดามารดาเป็นระยะ ๆ  แต่ก็มิได้สบายใจนักเนื่องจากต้องทิ้งภาระงานไว้ให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นแทน  ต่อมาเมื่อดิฉันได้บรรจุรับราชการครบ  2  ปี  ดิฉันได้ไปปรึกษากับทางสำนักงานเขตที่ดิฉันสังกัดเกี่ยวกับเรื่องการขอโอนย้ายนี่อีกครั้ง  เพราะบิดาและมารดายังต้องรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง   จึงจำเป็นที่จะต้องมีคนดูแล  ที่บ้านต่างจังหวัดของดิฉันมีแค่เพียงบิดามารดา  และหลานชายเล็ก ๆ ลูกของน้องชายอีก  3  คนเท่านั้น  ส่วนน้องชายของดิฉันก็ทำงานในกรุงเทพฯเช่นกัน  หลังจากที่ได้ปรึกษากับทางสำนักงานเขตที่ดิฉันสังกัด  ดิฉันได้รับคำแนะนำเพียงไม่ให้ทำเรื่องขอโอนย้าย  เพราะมิเช่นนั้นทางสำนักงานเขตจะถูกทางสำนักการศึกษาต่อว่าในส่วนของที่ไม่ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นเรื่องให้ดีก่อนที่จะส่งไป  ไม่เพียงที่สำนักงานเขตที่สังกัดจะโดนต่อว่านะคะ  ผอ.โรงเรียนที่ดิฉันอยู่ก็โดนเช่นกัน  เป็นท่าน ๆ จะคิดอย่างไร 

           เมื่อเดือนเมษายน  2551  เมื่อดิฉันเคลียร์งานและคะแนนของนักเรียนเสร็จเรียบร้อยดิฉันจึงได้ตัดสินใจลาออก  โดยยื่นเรื่องเมื่อ  1  เมษายน  2551  แต่เรื่องลาออกมีผลวันที่  15  พ.ค. 2551  ที่ผ่านมา  ปัจจุบันดิฉันได้ช่วยกิจการค้าขายของทางบ้าน  เพื่อแบ่งเบาภาระของบิดามารดาให้เบาลง  และเมื่อไม่นานที่ผ่านมาน้องชายและน้องสะใภ้ของดิฉันก็ได้ย้ายกลับมาทำงานที่จังหวัดบ้านเกิดนี้แล้ว  ดังนั้นภาระการดูแลบิดามารดาของดิฉันจึงทุเลาลง  ด้วยเหตุนี้จึงคิดที่จะกลับเข้ารับราขการครูใหม่  แต่ต้องการที่จะรับราชการที่จังหวัดบ้านเกิด  เพื่อที่จะไป - กลับดูแลบิดามารดาได้ด้วย  จึงใคร่ขอคำแนะนำจากท่านมา ณ ที่นี้ด้วย

     

     

     

    คำตอบ
    ก็ต้องไปตืดต่อหน่วยงานที่ประสงค์จะเข้าทำงานเพื่อดูว่าเขามีอัตราว่างพอจะบรรจุหรือไม่ ถ้าเขามีและเขาอยากบรรจุ ก็ขอกลับเข้ารับราชการได้
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    23 สิงหาคม 2551