เรียนอาจารย์มีชัย ปัจจุบันผมทำงานอยู่ที่สถานนีโทรทัศน์รัฐสภาในเป็นพนักงานราชการตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตัดต่อภาพและเสียงรายการโทรทัศน์มีรายการตัดต่อและใส่กราฟิกรับผิดชอบอยู่ 2 รายการเป็นรายการคุยกันวันใหม่ ที่ออกทุกวันจันทร์ ถึง พฤหัส และรายการสุขกายสบายใจ ออกอกาศทุกวันศุกร์ และรายการข่าวรัฐสภา (ตัดต่อสัปดาห์เว้นสัปดาห์)ซึ่งงานที่ทำอยู่ถือว่าเต็มปริมาณที่จะตัดต่อและใส่กราฟฟิกในระยะเวลา 1 สัปดาห์ จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีหนังสือมอบหมายงานให้ตัดต่อรายการเพิ่มอีกหนึ่งรายการ ผมมีเรื่องจะรบกวนเรียนถามอาจารย์ว่า
1.องค์กรอาศัยอะไรเป็นตัวชี้วัดปริมาณในการทำงานครับเพราะในความรู้สึกเหมือนกับไม่มีอะไรชี้วัดในเรื่องของการกำหนดปริมาณงานที่ทำในแต่ละวัน
2.งานพนักงานราชการสำหรับอาจารย์ว่ามั่นคงไหมครับสำหรับคนที่จะเข้ามาทำ ในความรู้สึกผมเห็นคนที่เขาทำงานจริงๆจังๆพอถึงเวลาที่ประเมินขั้นพิเศษกลับไม่ได้รับการประเมินแต่คนที่ได้คือคนที่คอยประจบนาย
ป.ล.พ่อดวก(สมชาย ยุวนากร)ที่เคยทำงานกับอาจารย์ที่ คตง.แนะนำให้ลองขอคำแนะนำจากอาจารย์ดูผมจึงอยากขอรบกวนอาจารย์ให้คำแนะนำด้วยครับ
วายุ ยุวนากร
เรียน คุณวายุ
1. เขาไม่ได้อาศัยอะไรหรอก เมื่อเขามีพนักงานทำหน้าที่ใดแล้วเขาก็มอบหมายหน้าที่นั้นให้ทำเรื่อยไป ถ้ามันมากจนทำไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องบอกผู้บังคับบัญชา เพื่อเขาจะได้หาคนมาเพิ่ม (ถ้างานมากเกินความสามารถจริง ๆ ) แต่คนนั้นมี ๒ ประเภท คือ คนทำงานตามเวลาที่กำหนด ได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น กับคนที่ทำงานเพื่อให้งานสำเร็จ จะใช้เวลามากกว่าที่ทางราชการกำหนดเขาก็ทำ ทำไม่หมดเขาก็ทำนอกเวลา หรือเอากลับบ้านทำ คนประเภทแรก ก็จะก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เหมือนคนอื่น ๆ แต่คนประเภท ๒ มักจะก้าวหน้าได้รวดเร็ว และบางทีก็อาจถูกคนกล่าวหาว่าเอาใจหรือประจบเจ้านายได้เหมือนกัน แต่เป็นการประจบหรือเอาใจด้วยการทำงาน ซึ่งเป็นผลดีแก่ตัวเองและแก่งานราชการ เหมือนกับที่ผมมานั่งตอบคำถามอยู่นี่แหละ ถ้าทำแบบประเภทแรก ก็ทำแบบ ว่าง ๆ ก็ทำ ได้เท่าไรก็เท่านั้น ปัญหาใครจะได้รับคำตอบหรือไม่ก็ไม่สนใจ แต่ถ้าทำอย่างคนประเภทหลัง ก็คือ เมื่อมือว่างจากงานอื่นและมีเครื่องคอมพ์ที่จะทำงานได้ ก็ทำทันที ไม่ว่าจะเป็นเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น หรือค่ำมืด โดยมุ่งหวังให้ตอบทันคนถามที่มีมาหลายสิบคำถามต่อวัน
2. ก็คงไม่มั่นคงเท่ากับข้าราชการ