เรียน อาจารย์มีชัยที่เคารพ
ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการปฏิบัติการอยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง ได้รับหนังสือเวียนจากต้นสังกัดแจ้งให้ทราบว่าในการเบิกค่ารักษาพยาบาลของ"บิดา" ตามพระราชกฤษฏีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ.2523 นั้น ต้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฏหมายตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์โดยให้ตรวจสอบจาก 1. ทะเบียนสมรสกับสูติบัตรในกรณีที่บิดามารดาสมรสกันโดยถูกต้องตามกฏหมาย หรือ จดทะเบียนสมรสกันภายหลังที่มีบุตร 2.ทะเบียนการรับรองบุตรในกรณีที่บิดาจดทะเบียนว่าเป็นบุตร หรือ 3. คำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฏหมาย ดังนั้นแม้จะมีหลักฐานอื่น เช่น สูติบัตร ทะเบียนบ้าน หรือการใช้นามสกุลเดียวกันกับบิดามาตั้งแต่เกิดอันแสดงว่าเป็นบิดาโดยกำเนิดก็ไม่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลสำหรับบิดาตามพระราชกฤษฏีกาดังกล่าว
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงใคร่เรียนถามว่าหากข้าพเจ้าต้องการเบิกค่ารักษาพยาบาลให้แก่บิดาของข้าพเจ้า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้หลักฐานตามที่ระบุไว้ข้อใดข้อหนึ่งดังกล่าวข้างต้นทั้ง ๆ ที่ทะเบียนบ้านซึ่งเป็นเอกสารทางราชการที่บ่งบอกถึงความเป็นบิดามารดาและบุตรที่ถูกต้องแล้ว และถ้าหากจำเป็นข้าพเจ้าควรจะแสดงหลักฐานดังกล่าวข้างต้นทุกครั้งในการเบิก หรือ แสดงหลักฐานในครั้งแรกที่เบิกก็เพียงพอแล้วในทางกฏหมาย ทั้งนี้ เนื่องจากหน่วยงานได้เวียนแจ้งให้ปฏิบัติตามพระราช กฤษฏีกา ฯลฯ ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม นี้ ทั้ง ๆ ที่ในช่วงที่ผ่านมาเคยแนบแต่สำเนาทะเบียนบ้านเป็นหลักฐานประกอบการเบิกมาตลอดค่ะ อีกทั้งบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันเลยค่ะ ท่านอายุ 80 กว่าทั้งสองท่านแล้วค่ะ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์มา ณ โอกาสนี้ค่ะ
เรียน คุณกิตติกา
เมื่อทางราชการกำหนดเช่นนั้น และบิดามารดาของคุณมิได้จดทะเบียนสมรสกัน สภาพการเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาจึงเป็นปัญหาอยู่ ไหน ๆ ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งคู่ คุณคงต้องขอร้องให้ท่านทั้งสองคนไปจดทะเบียนสมรสกันเสียให้ถูกต้อง หรือมิฉะนั้นก็ขอให้ท่านไปขอจดทะเบียนรับรองคุณเป็นบุตรเสียให้ถูกต้อง เพื่อจะได้มีหลักฐานไปยื่นให้ทางราชการได้ ซึ่งเชื่อว่าการยื่นนั้นคงยื่นแต่เพียงครั้งแรกก็น่าจะพอ