ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    025361 การสู้คดี และขอความเป็นธรรมอย่างเร่งด่วนข้าราชการผู้น้อย21 ธันวาคม 2550

    คำถาม
    การสู้คดี และขอความเป็นธรรมอย่างเร่งด่วน

    เรียน     ท่านมีชัย ฤชุพันธ์            ที่เคารพ

     

    เรียน     ท่านมีชัย ฤชุพันธ์            ที่เคารพ

     

    ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการพลเรือนมหาวิทยาลัย ระดับ 7 รับราชการมา 10 ปี 7 เดือน ได้รับการถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท โดยได้ทำจัดทำเอกสารเท็จลงวันที่ล่วงหน้าก่อนบริษัทจะได้รับการจดทะเบียน อันเป็นแสดงข้อความว่า บริษัทได้อนุมัติให้งบประมาณสนับสนุนโครงการวิจัย อันเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จมีเจตนาหลอกลวง ฉ้อฉล และหลอกลวงเงินของมหาวิทยาลัยนั้น และนัดให้ข้าพเจ้าไปรับทราบข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการสอบสวน ภายในวันพุธหน้า

    โดยข้าพเจ้าได้ทำการยืมเงินทดรองจ่ายจากมหาวิทยาลัย มาประมาณครึ่งหนึ่งของงบประมาณที่บริษัทอนุมัติ และมีการจ่ายคืนไปบางส่วนเป็นดอกเบี้ย แต่เนื่องจากยืมเงินมาเกิน 2 เดือน ประมาณ 1 ปี

    ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ข้าพเจ้าได้ลงทุนในโครงการวิจัย เพื่อต้องการพัฒนางานวิจัยให้ดำเนินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไปมากกว่า 7,000,000 บาท (ซึ่งเป็นเงินงบประมาณมากกว่าที่สนับสนุนและที่ยืมมาจากมหาวิทยาลัย) โดยนำทรัพย์สินเงินทองของครอบครัวข้าพเจ้ามาลงทุนกระทั่งหมดตัว หวังเพียงว่าจะสามารถทดแทนคุณแผ่นดินได้ ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า จะเปลี่ยนผลงานวิจัยเป็นการบริการ นำเงินเข้ารัฐบาล

    ผลประโยชน์ได้จัดแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ มหาวิทยาลัย ร้อยละ 50 บริษัท ร้อยละ 20 ข้าพเจ้าและผู้วิจัย ร้อยละ 30

    ข้าพเจ้าตั้งบริษัทฯ มาไม่ได้หวังผลกำไร แต่ต้องการช่วยเหลืองานวิจัยให้สำเร็จโดยเร็ว มีเป้าหมายหลัก คือ

    1. การประสานงาน ร่วมมือ สนับสนุน ช่วยเหลือ โครงการพัฒนาของบุคคล สถาบันครอบครัว ชุมชนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชน องค์กรต่าง ๆ ทุกภาคส่วน อย่างสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อให้โครงการที่มีปัญหานั้น ๆ สามารถดำเนินงานไปได้ โดยก่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติ

    2. เพื่อสนับสนุน ช่วยเหลือ ประชาชนทุกระดับ ทุกสาขาอาชีพ ในลักษณะของการดำเนินงานพัฒนาต่าง ๆ ในกรณีที่ต้องถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขของกฎเกณฑ์ ระเบียบ หรืองบประมาณที่ระบบราชการไม่สามารถดำเนินการได้ทันที กระทั่งเป็นเหตุให้การแก้ไขปัญหาไม่สอดคล้อง หรือทันกับสถานการณ์ที่จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องกระทำโดยเร็ว การที่บริษัทฯ ได้มีโอกาสเข้ามาดำเนินการลักษณะเช่นนี้ ส่งผลให้ประชาชนทุกระดับได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง รวดเร็วฉับพลัน โดยไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น

     

    บอกเลยว่าตลอดเวลา ข้าพเจ้าไม่เคยได้รับคำชม โดนเอาเปรียบจากผู้บังคับบัญชาระดับภาควิชาฯ มาตลอด แต่ก็อดทน

    การแก้ไขปัญหา ของข้าพเจ้าได้นำที่ดินของครอบครัว จำนวน 81 ไร่ ให้ชาวไร่อ้อยเช่า และรวบรวมเงินจากครอบครัวได้เงินมา 1,000,000.00 บาท เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2550 เพื่อใช้หมุนเวียนในงานวิจัย อย่างไรก็ตามก็ยังขาดงบประมาณอีกจำนวนมาก ปัจจุบัน ข้าพเจ้าพยายามหาทางแก้ไขวิกฤติการณ์อย่างเร่งด่วน

    ปัจจุบันก็กำลังระดมทุนอยู่ คาดว่าจะได้มามากกว่า 25 ล้านบาท แต่ต้องการให้ผ่านการเลือกตั้งเพราะต้องการทำหน้าที่ราษฎรอย่างเต็มขั้น เลือกคนดีเข้าสภา

    ปัจจุบันได้ทำรายงานฉบับสมบูรณ์ของโครงการวิจัย จำนวน 4 โครงการ ได้เสร็จสิ้น แต่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ และโครงการวิจัยเรื่องสุดท้ายกำลังทำรายงานความคืบหน้าให้เสร็จสิ้น (เรื่องที่เป็นปัญหาต้องคดีความ)

    จึงอยากปรึกษาความเป็นไปได้ในการสู้คดี เพราะรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบตลอดเวลา

    ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วว่า ทำไมประเทศชาติจึงไม่เจริญ เพราะมัวแต่จะคิดทำร้ายกัน ไม่เคยคิดช่วยเหลือกัน ไม่เคยให้กำลังใจ คิดแต่จะเอาเปรียบคนอื่น ห้ามใครดีเกินหน้า ดั่งสำนวนที่ว่า “ทำดีทำได้ แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย”

    คำตอบ

    เรียน ข้าราชการผู้น้อย

       ปัญหาสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณตั้งใจทำความดีอย่างไร หรือได้ทำการวิจัยโดยใช้เงินส่วนตัวไปมากน้อยเท่าไร  ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณได้ทำเอกสารเท็จจริงหรือไม่ และได้เบิกเงินจากมหาวิทยาลัยไปในนามของบริษัทที่ในขณะนั้นยังไม่มีตัวตนจริงหรือไม่  ในการต่อสู้คดี จึงไม่ต้องไปพะวงว่าได้ทำความดีอะไร เอาแต่เพียงข้อสู้ว่าที่เขากล่าวหานั้นจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงมีหลักฐานอะไรยืนยันเพื่อจะแก้ข้อกล่าวหาได้

     


    มีชัย ฤชุพันธุ์
    21 ธันวาคม 2550