เรียน ท่านมีชัย ที่เคารพ
ตามที่ได้พบว่า มีคำถามนวนมากในการปรับจากระบบราชการมาเป็นพนักงานราชการ(งบประมารแผ่นยดิน) ที่ทำงานในมหาวิทยาลัย หรือพนักงานมหาวิทยาลัย (งบประมาณรายได้) ก่อให้เกิดคำถามมากมายทีและหลากหลาย มหาวิทยาลัยต้องเสียบคุลากรดีๆ มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถไปจำนวนหนึ่ง เนี่องจากเขาเหล่านั้นขาดแรงจูงใจด้านสวัสดิการ ความมั่นคงในการทำงาน และหันไปสอบเข้าทำงานเป็นข้าราชการหน่วยงานต่างๆ ที่ยังมีระบบข้าราชการอยู่ เช่น ข้าราชการครู ข้าราชการ อบต.ที่ว่ากันว่ามีผลประโยชน์มากมายในการสอบ และการโอนย้ายสถานทีปฏิบัติงาน (เท่าที่เคยได้ยิน ป. ตรี เสียเงินประมาณ 1 แสน) ปัญหาอันเกิดเป็นความลักลั่นที่สร้างปัญหาต่อความมั่นคงทางจิตใจคนทำงานที่สำคัญประการหนึ่ง ของคนทำงานเป็ฯพนักงานครับ
กระผมเองเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ก็คิด และตั้งใจจะทำงานในมหาวิทยาให้ดีและเต็มความรู้ความสามารถ แต่ด้วยระบบที่เป็นอยู่ ก็รู้สึกหวั่นไหวไปเหมือนกับคนอื่นๆ ที่หันไปสอบเป็นข้าราชการเช่นกันครับ
ในฐานะที่ท่านได้มีส่วนสำคัญในการกำกับดูแลมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อยากเรียนถามถึงความเห็นในแนวทางการจัดระบบพนักงานที่ควรจะเป็น ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการออกนอกระบบ ว่าจะมีแนวทางใดบ้างที่จะปรับระบบให้มีความมั่นคงของผู้ปฏิบัติงาน (ที่เหนือจากการตั้งใจปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงานเอง) และมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะปรับกลับไปเป็นระบบข้าราชการเช่นเดิม บ้าง เพื่ออย่างน้อย ก็จะเป็นกำลังใจให้พวกเราว่า มีผู้รู้และเป็ฯหลักของบ้านเมือง มองเห็นปัญหาอยู่บ้าง
ขอบพระคุณครับ
คนลูกครึ่ง
เรียน คนลูกครึ่ง
ไม่ว่าจะอยู่ในระบบหรือนอกระบบ ขณะนี้รัฐบาลได้สะกัดกั้นมิให้มีการรับบรรจุข้าราชการใหม่แล้ว ถ้ามหาวิทยาลัยต้องการอัตรากำลังคน ก็ต้องจ้างเป็นพนักงาน ซึ่งรัฐบาลอาจจะให้เงินมาบ้าง แต่ไม่เพียงพอต่อความจำเป็น ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจึงต้องใช้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัยมาจ้างพนักงาน ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีเงินมาก ๆ ก็สามารถทำได้สะดวก และสามารถให้หลักประกันหรือสวัสดิการได้ตามสมควร แต่มหาวิทยาลัยใหม่ ๆ (ซึ่งเป็นส่วนใหญ่) ก็อยู่ในฐานะลำบาก
มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ได้พยายามวางระเบียบเพื่อให้พนักงานได้รับหลักประกันในการทำงานตามสมควร เท่าที่จะทำได้