(ถามเพิ่มเติม) มหาวิทยาลัยปฏิบัติต่อพนักงานอย่างไม่เป็นธรรม จะร้องเรียนศาลปกครองได้หรือไม่
เรียน ท่านอาจารย์มีชัย
ตามที่ผมได้เรียนถามท่านในคำถามที่ 016303 เมื่อ 6 มีนาคม 2549 และท่านได้กรุณาชี้แนะนั้น คณะฯ ไม่ได้ส่งความเห็นไปยังมหาวิทยาลัย แต่ได้เรียกภรรยาผมไปเซ็นต์รับทราบมติที่คณะฯ มีความเห็นไม่ยินยอมให้มีการโอนย้ายทุน ซึ่งภรรยาผมได้ไปเซ็นต์รับทราบ และสอบถามคณบดีถึงเหตุผลของการมีความเห็นไม่ยินยอมนั้น แต่ทางคณบดีไม่ได้แจ้งเหตุผล โดยกล่าวเพียงว่าเป็นมติของที่ประชุมคณะฯ และในเอกสารที่เซ็นต์รับทราบมตินั้นก็ไม่ได้มีการระบุถึงเหตุผลที่คณะมีความเห็นไม่ยินยอมดังกล่าว
ผมจึงทำหนังสือชี้แจงเหตุผลและขอความเห็นใจและแนบหนังสือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เรื่องการขอโอนย้ายทุน ส่งไปยังสำนักงานอธิการบดี และสภามหาวิทยาลัย ได้โปรดพิจารณา และเราได้เข้าพบกับรองอธิการบดีที่ดูแลเรื่องดังกล่าว รองอธิการบดีได้พูดคุยกับคณบดี ปรากฏว่าคณบดียังคงยืนยันความเห็นในการไม่ยินยอม โดยอ้างว่าไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่าง และท่านรองอธิการบดีมีแนวโน้มที่จะเห็นคล้อยตามไปกับคณะฯ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเป็นอำนาจของมหาวิทยาลัย มิใช่อำนาจของคณะฯ
ประเด็นของผมคือ การอ้างว่าที่มีความเห็นไม่ยินยอมเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปนั้น ท่านอาจารย์มีชัยคิดว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ทั้งๆ ที่ระเบียบและสัญญาระบุว่าสามารถไปทำงานชดใช้ทุนที่หน่วยงานรัฐอื่นที่ต้นสังกัดยินยอมได้ ถ้าสัญญาระบุแค่ให้ทำงานกับต้นสังกัดเท่านั้น พวกเราคงไม่ทำเรื่องขอย้ายให้ผิดระเบียบผิดสัญญากัน
อย่างที่กราบเรียนไปในคำถามครั้งที่แล้วว่า การขอโอนย้ายทุนนี้มิได้ขอย้ายตามอำเภอใจ เป็นการขอย้ายเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับครอบครัว เรายังมีความตั้งใจที่จะทำงานให้กับรัฐบาลซึ่งเป็นผู้ออกทุนเล่าเรียนให้ เพียงแต่ย้ายสถานที่ปฏิบัติงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของครอบครัว
การอ้างของคณบดีว่า เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างนั้น สมเหตุสมผลหรือไม่
ประกอบกับ เราทราบมาว่า ทางมหาวิทยาลัย เคยมีการอนุมัติการโอนย้ายทุนลักษณะคล้ายกันนี้มาแล้วในอดีต แม้จะต่างคณะกันก็ตาม คำถามคือ การไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างนั้น เหตุใดจึงเริ่มที่กรณีของเรา เหตุใดจึงไม่แก้สัญญาไม่ให้เปิดช่องดังกล่าวไว้
อีกเรื่องที่ขอความเห็นจากอาจารย์มีชัยคือ ตอนนี้พวกเราคิดกันว่าจะทำเรื่องอุทธรณ์ตามขั้นตอนอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันคงลาออกจากมหาวิทยลัยเดิม มาบรรจุที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทั้งนี้เพราะโอกาสที่จะได้ย้ายมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวแบบครั้งนี้นั้น คงมิได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆ โดยที่จะยังทำเรื่องอุทธรณ์ให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยเดิมพิจารณาอนุมัติเรื่องโอนย้ายทุนตามมาให้
หากมหาวิทยาลัยไม่อนุมัติและจะฟ้องร้องเราว่าผิดสัญญา เราจะนำเรื่องทั้งหมดร้องต่อศาลปกครองด้วย เพื่อให้ศาลปกครองเป็นผู้ชี้ขาด เนื่องจากเราเชื่อว่า เรามีความตั้งใจทำงานให้รัฐบาลซึ่งให้ทุนเล่าเรียน โดยได้ทำเรื่องขออนุมัติจากสังกัดเดิมอย่างถูกต้องแล้ว แต่ต้นสังกัดเดิมทั้งทั้งที่สามารถที่จะอนุมัติได้ กลับไม่อนุมัติ การที่จะฟ้องร้องให้เราชดใช้เป็นเงินนั้นคงไม่เป็นการสมกับเจตนาของทุนเล่าเรียนนี้
ท่านอาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไรครับ
ขออภัยที่เขียนมายาว และขอขอบพระคุณอาจารย์มีชัยอีกครั้งครับ
ขอแสดงความนับถือ
ธัญ น. |