เรื่องสืบเนื่องค่าบำรุงส.ท.ท.
เรียน ท่านอาจารย์ มีชัยที่เคารพอย่างยิ่ง
ผมเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองยโสธรและมีสถานะเป็นประธานชมรมสมาชิกสภาเทศบาลแห่งประเทศไทย เฝ้าติดตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ตอบขอข้อหารือ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เรื่อง การตั้งงบประมาณรายจ่ายของเทศบาลเพื่อเป็นเงินค่าบำรุงสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้วินิจฉัยและส่งความเห็นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่มีปัญหาที่ต้องขออนุญาตเรียนถามท่านอาจารย์ ดังนี้
1.กลุ่มบุคคลที่อยู่ในฝ่ายที่เห็นว่า การจ่ายค่าบำรุงสมาคมสันนิบาตเทศบาลเป็นสิ่งที่กระทำได้เพราะมีหนังสือสั่งการรองรับนั้น มีการกระทำในลักษณะที่เหมือนกับว่าจะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา พยายามที่จะชี้นำเทศบาลต่างๆว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่ได้วินิจฉัยว่า หนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท.0313.4/ว3889 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2538 เป็นหนังสือสั่งการหรือไม่ ทั้งๆที่ถ้าอ่านคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วก็น่าจะเข้าใจว่า ในเมื่อความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา บอกว่า ในปัจจุบันยังไม่มีระเบียบที่ออกตามมาตรา 67 (9) แห่ง พรบ.เทศบาล พ.ศ.2496 อนุญาตให้เทศบาลจ่ายเงินค่าบำรุงสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยได้แต่อย่างใด ผมก็เลยแปลกใจว่า ทำไมจะต้องไปอ้างถึงหรือสนใจว่าหนังสือที่ มท.0313.4/ว3889 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2538 เป็นหนังสือสั่งการหรือไม่ ก็ขอถามอาจารย์ว่า ในความเห็นส่วนตัวของท่าน (ไม่เกี่ยวกับกฤษฎีกา) ท่านคิดว่า หนังสือที่ มท.0313.4/ว3889 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2538 เป็นหนังสือสั่งการหรือไม่ และหากไม่เป็นการรบกวน ท่านอาจารย์ มากเกินไป ได้โปรดเมตตา อธิบายคำว่าหนังสือสั่งการ หน่อยครับว่า ควรมีลักษณะอย่างไร มีกรอบเวลา หรือไม่ หากหนังสือสั่งการขัดหรือแย้งกับกฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า จะมีผลอย่างไร
2.กรณีหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท.0313.4/ว3889 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2538 ซึ่งออกโดยกรมการปกครอง ในฐานะผู้ควบคุมดูแลเทศบาลในขณะนั้น แต่ในปัจจุบันกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล ถามว่า หนังสือดังกล่าวจะมีผลต่อเทศบาลที่ตั้งใหม่หรือไม่ อย่างไร
3.การที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้รับคำวินิจฉัยจากคณะกรรมการกฤษฎีกาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่มีการแจ้ง หรือสั่งการให้เทศบาลทั่วประเทศ รับทราบ หรือต้อง ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ผมก็เลยแปลกใจว่า ทำไมกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จึงไม่รีบแจ้ง บันทึกสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้เทศบาลทั่วประเทศทราบโดยเร็ว ทั้งๆที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นทราบดีว่า เทศบาลทั่วประเทศกำลังรอฟังคำวินิจฉัยเรื่องนี้ เพราะต้องจัดทำงบประมาณ ก่อนวันที่ 15 ส.ค.2553 และกรมส่งเสริมเองก็มีเว็บไซด์เป็นของตัวเอง ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า การจะร้องเรียนว่ากรมดำเนินการล่าช้านี้ ควรต้องใช้เวลา นานเท่าไหร่ จึงจะถือว่าดำเนินการล่าช้าเกินควร แล้วในกรณีที่เทศบาลต่างเขาหารือต่อกรมแล้วกรมไม่ตอบ หรือตอบล่าช้ามาก กรมจะมีความผิดหรือไม่ หรือเทศบาลต่างๆควรดำเนินการอย่างไร
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอขอบพระคุณ มา ณ โอกาส นี้
ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง
นายสุขกาย สุริยะโรจน์
(สมาชิกสภาเทศบาลเมืองยโสธร/ ประธานชมรมสมาชิกสภาเทศบาลแห่งประเทศไทย) |