ขอถามคุณมีชัยค่ะ ตอนนี้ทางลูกเมียเก่าฟ้องคดีอาญาแม่ดิฉัน ผู้พิพาษาถามว่าทรัพย์สมบัติมาอย่างไร แม่บอกว่า มาจากพ่อเฒ่ายกให้พ่อตอนนั้นเป็น นส.3 และมาอยู่กินกันแม่ เปลี่ยนเป็นโฉนดโดยเป็นชื่อของพ่อ แม่บอกผู่พิพากษาว่าฉันเลี้ยงพวกเขา บางคนเลี้ยงตั้งแต่เล็ก บางคนเลี้ยงตอนโต บางคนยัดเงินและส่งเสียให้เป็นทหารเรือสัตหีบ แล้วพวกเขายังเณรคุณฉัน โดยการที่ฟ้องคดีอาญาต่อฉัน ผู้พิพากษาถามว่าเคยพูดคุยกันหรือไม่ ดิฉันบอกว่า เคยขอคุยกับพวกเขา แต่พวกเขาไม่ยอม เพราะจะเป็นผู้จัดการมรดกเอง ตอนนี้แม่ดิฉันซึ้งเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว และเปลี่ยนเป็นชื่อดิฉันและพี่สาว ส่วนอีกด้านหนึ่งติดเป็นชื่อแม่เพราะจะรอโอนให้พวกเขา พวกเขาไม่ยอมรับเพราะมีพินัยกรรมที่อำเภอ และมีอีกใบเขียนขึ้นมาเองแต่ฉบับนี้หาย แต่พวกเขาต้องการฉบับหายเพราะมีชื่อพวกเขา แต่อำเภอบางคนไม่มีชื่อ วันที่ขึ้นศาลแม่ดิฉันเป็นโรคปวดข้อเสื่อมเดินทางลำบาก บางครั้งเดินไม่ได้เพราะปวดมาก ซึ้นวันนี้ต้องขึ้นศาล เพื่อฟังคำฟ้องพวกเขา ฉันสงสารแม่มาก แม่กินยาแก้ปวด และปีนขึ้นศาล พวกเขาเห็นแม่ดิฉัน พวกเขามองแม่เหมือนคนไม่รู้จักกัน พอต่อหน้าศาลบอกว่าพวกเขายังรักแม่และนับถือแม่อยู่
ดิฉันขอถามว่า
1. การจดทะเบียนสมรส ไม่ได้ช่วยอะไรได้บางหรือ
2. การเลี้ยงดูพวกเขา ได้สิ่งที่ตอบมาอย่างนี้หรือ (อาญา)
3. คำว่า เณรคุณต้องใช้กับใคร
4. ดิฉันควรทำอย่างไรต่อ
5. เดือนหน้าจะต้องรอคำตอบจากผู้พิพากษา พวกเขารอแบ่งมรดก
1. การจดทะเบียนสมรสทำให้ทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างสมรสเป็นสินสมรส และทั้งสามีและภริยาต่างมีสิทธิคนละครึ่ง แต่ถ้าเป็นสินส่วนตัวที่เขามีมาก่อน ก็เป็นสินส่วนตัว แต่คนที่เป็นภรรยาที่จดทะเบียนสมรสก็มีสิทธิได้รับมรดกจากสามีเหมือนกัน เว้นแต่เขาจะทำพินัยกรรมยกให้คนอื่น
2. อย่ามัวไปคิดให้เขาตอบแทนบุญคุณเลย คิดอ่านหาทนายความไปสู้คดีจะดีกว่า
3. เนรคุณในทางกฎหมาย ใช้กับกรณีที่ยกทรัพย์สินให้ใครแล้วเขาเนรคุณก็เอาคืนได้
4. หาทนายความไปสู้คดี
5. ในระหว่างนี้ก็อย่าเพิ่งแบ่งมรดกให้ใคร ปล่อยให้อยู่ในชื่อของผู้จัดการมรดกไปพลางก่อน