ลุงได้เสียชีวิตเขียนพินัยกรรมให้แม่เป็นผู้จัดการมรดกโดยให้แม่เป็นผู้จัดการมรดกให้หลาน2คนเป็นผู้รับมรดก แต่น้าอ้างว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะเนื่องจากพยานคนเดียว น้าไปร้องศาลให้ถือพินัยกรรมเป็นโมฆะแล้วศาลได้แต่งตั้งผู้จัดการมรดกร่วมคือน้ากับแม่ สมมุติชื่อน้า ก.เป็นผู้จัดการมรดก และแม่ ได้ทำการตกลงในศาล ได้แบ่งทรัพย์ ให้น้า ข. กับลูกของแม่ 2 ตน (ทายาทตามกฏหมายของลุงที่เสียชีวิตมี น้า ก. น้า ข. และ แม่)โดยแบ่งทรัพย์ที่ดินให้น้า ข. และหลาน 2 คน โดยมูลค่าทรัพย์ น้าจะได้มากกว่าหลาน 10 เท่า โดยน้า ข. ตกลงจะแบ่งทรัพย์ส่วนหนึ่งให้แม่ แต่พอแม่ตกลงและเซ็นหนังสือมอบอำนาจให้น้าเรียบร้อย ปรากกฏว่าน้าได้ยกเลิกข้อตกลงไม่ยอมแบ่งส่วนหนึ่งให้แม่ ทั้งๆๆที่ น้า ข. ยังไม่ได้ไปทำเรื่องกับที่ดิน ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ไม่รับโอนเนื่องจากอ้างว่าลายเซ็นไม่มีในระบบที่ดินให้ผู้จัดการมรดกมาเซ้นตกหน้าเจ้าหน้าที่ ต่อมาน้า ก. ก็ได้เสียชีวิตเหลือแต่แม่(แม่เป็นอัมพฤติ เกือบ 10 ปี เดินไม่ได้ นั่งนอนอย่างเดียว) หลานไปปรึกษาทนายปรากฏว่าทนายบอกว่า หลานไม่มีสิทธิ์ต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดกใหม่ผู้ที่มีสิทธิ์เป็นผู้จัดการมรดกคือ น้า ข. ให้น้า ข. เป็นผู้มีอำนาจในการจัดการมรดกแทน ขอถามว่า
1.หลานมีสิทธิ์ร้องศาลให้ศาลสั่งแบ่งทรัพย์ที่ตกลงในครั้งแรกได้หรือไม่ โดยไม่ต้องมีผู้จัดการมรดก(ทนายบอกว่า แม่เป็นอัมพฤติเปรียบเสมือนคนไร้ความสามารถ)
การเป็นอัมพฤกนั้น ถ้าสมองยังดี ยังพูดจารู้เรื่อง ก็ยังสามารถเป็นผู้จัดการมรดกได้ เพียงแต่เวลาทำนิติกรรมใด ๆ ก็อาจต้องมอบอำนาจให้คนที่เขาเดินเหินได้เป็นคนไปทำแทน ศาลเขาไม่มีหน้าที่มาแบ่งมรดกให้ใคร เขาตั้งผู้จัดการมรดกก็เพื่อให้ผู้จัดการมรดกไปดำเนินการแบ่งมรดกให้แก่ทายาท