กราบเรียนท่านมีชัย
ดิฉันเคยเรียนท่านเรื่องการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา และท่านแนะนำให้ว่าถ้าจะสู้ต่อไปให้เตรียมข้อมูลต่าง ๆ ไว้ ดิฉันเดือนร้อนไม่สิ้นสุดจริง จึงได้นำคำพิพากษาศาลปกครองไปฟ้องผู้บริหารอีก ในคำพิพากษานั้น ศาลวินิจฉัยว่า ผู้บริหารละเลยต่อหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติและมีคำสั่งให้ผู้บริหารนั้น พิจารณาคำร้องทุกข์ของดิฉันให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาเร็วที่สุด ผู้บริหารก็ยกเรื่องร้องทุกข์ของดิฉันขึ้นพิจารณาตามคำสั่งศาลปกครอง และมีมติเป็นเอกฉันท์ "ยกคำร้องทุกข์" ของดิฉัน ดิฉันร้องทุกข์และขอให้ผู้มีอำนาจพิจารณาช่วยเหลือเยียวยา แต่ผู้บริหารก็ยกคำร้องทุกข์ของดิฉันเสีย
เมื่อความทุกข์ไม่สิ้นสุดและทุกข์มากขึ้นเมื่อผู้บริหารเห็นเราเป็นศัตรูเพราะบังอาจไปฟ้องเขาต่อศาลปกครอง ดิฉันจึงไม่ได้รับอานิสงสุ์ใดจากผู้บังคับบัญชา ไม่ว่าในเรื่องใดๆ แม้แต่โอกาสในการอบรมความรู้ในหน้าที่รับผิดชอบหรือการร่วมกิจกรรมกับเพื่อนที่ทำงาน ดิฉันได้รับการกีดกันแม้แต่การพูดกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งถ้าใครก็ตามมาพูจากับดิฉันก็จะได้รับการกลั่นแกล้งจากผู้บริหาร ดิฉันจึงมีเพื่อนในที่ทำงานเพียงสองคนและสองคนนี้ก็ได้รับการเกลียดชังกลั่นแกล้งจากผู้บังคับบัญขั้นต้นเช่นกัน ดิฉันอัดอั้นสุดประมาณจึงได้นำคำพิพากษาศาลปกครองไปฟ้องเป็นความอาญา ๑๕๗ ฟ้องโดยอาศัยคำพิพากษาศาลปกครองหวังเพื่อให้เขาได้รับโทษบ้างเพื่อให้เขาสนใจถามความทุกข์ร้อนของดิฉันบ้าง แต่เปล่าเลย ผู้บังคับบัญชาที่ถูกฟ้องมีอัยการเป็นผู้ว่าความให้ มีสำนักงานเขตพื้นที่เป็นกองเชียร์และผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดเป็นกำลังใจ เมื่อผู้บริหารพบกันในร้านอาหารหรือที่ใดจะมีคนคอยให้ข้อมูลใส่ร้ายดิฉัน จนชื่อเสียงของดิฉันในแวดวงผู้อำนวยการโรงเรียนหรือผู้บริหารเสียหายไม่มีชิ้นดีในสายตาคนที่ไม่เคยรู้จัก ปัจจุบันชื่อเสียงของดิฉันในเวดวงผู้บริหารไม่มีชอ้นดี ตรงไหนถ้ามีชื่อดิฉันเข้าไปร่วม ผู้บริหารที่ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จักจะกระชิบถามคนอื่นว่าคนไหนคือดิฉัน หน้าตาอย่างไร
วันนี้ศาลอาญาพิพากษา "ยกฟ้อง" โดยไม่เชื่อตามคำพิพากษาของศาลปกครองว่าจำเลยจะกระทำผิดตามที่ฟ้อง ดิฉันแพ้เขาและได้รับความเสียหายทั้งด้านจิดใจความรู้สึกและชื่อเสียงโดยไม่มีโอกาสแก้ข่าวที่ผู้อำนวยการโรงเรียนและผู้บริหารในเขตที่โดนดิฉันฟ้องศาลปกครองช่วยกันคิดสร้างความชั่วป้ายสีและเผยแพร่ในที่ประชุมประจำเดือนและที่ประชุมอื่น ๆ ในทุกโอกาสที่ผู้บริหารมีการประชุม
ดิฉันถามศูนย์ดำรงธรรมเรื่องการฟ้องเรื่องต่อศาลปกครอง เจ้าหน้าที่เขาชี้แจงว่า การฟ้องเรื่องการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่ละเลยหรือล่าช้าในการดำเนินการร้องเรียนร้องทุกข์นั้น ถ้าเรานำเรื่องไปฟ้องต่อศาลปกครอง สิ้นสุดก็เพียงศาลปกครองตัดสินและจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ผู้ละเลยนั้นดำเนินการพิจารณาให้แล้วเสร็จเท่านั้น ไม่มีผลอื่นใด เจ้าหน้าที่ก็จะนำเรื่องขึ้นมาพิจารณาตามที่ศาลสั่งโดยวิธีการเช่นเดิม แต่มันจะส่งผลเสียต่อผู้ฟ้องเพราะเจ้าหน้าที่เขาจะไม่พอใจหรือโกรธที่ฟ้องเขา ผู้ฟ้องนั่นหล่ะจะลำบากมากขึ้น และเรื่องของดิฉันมันขึ้นถึงศ่าลอาญา โดยอาศัยคำพิพากษาศาลปกครอง ศาลอาญายังพิพากษาไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามที่ศาลปกครองพิพากษามา ตัดสินยกฟ้อง ดิฉันผู้ร้องหาความยุติธรรมยิ่งลำบากมากขึ้นที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้บริหารในศาลอาญาและผลที่จะตามมา ทำไมศาลปกครองใคร ๆ เขาก็ไม่กลัว ไม่มีผลใด ถ้าสถานะการจะเป็นเพียงเท่านี้ จะมีศาลปกครองไว้ทำไม ดิฉันจะตามหาความจริงและความเป็นธรรมต่อ โดยจะอุทธรณ์อาญาต่อ กราบเรียนปรึกษาท่าน ดิฉันจะทำอย่างไร ตอนขึ้นศาลปกครองมีผู้พิพากษาตั้ง ๕ ท่านช่วยกันพิจารณา ตอนศาลอาญามีผู้พิพากษาเพียงคนเดียว และเอกสารคัดค้านของผู้บริหารก็ไม่มีเอกสารใด มีเพียงคำให้การว่า "จำเลยไม่เคยได้รับเอกสารคำร้องทุกข์จากโจทก์เลย" เท่านั้น ที่ศาลปกครองพิจารณาเขามีเอกสารหลักฐานที่รับรองสำเนาถูกต้องทั้งหมดและจำเลยก็ยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด แล้วทำไมศาลอาญาที่ดิฉันนำเอกสารทั้งหมดรวมทั้งคำพิพากษาศาลปกครองมาเป็นพยานด้วย และฟ้องตามคำพิพากษา ผู้พิพากษาศาลอาญาเพียงคนเดียว ฟังคำพูดของผู้บังคับบบัญชาจำเลยสองคนแล้วเชื่อตามคำพูด ดิฉันไม่เข้าใจ และใคร่ขอคำแนะนำจากท่านด้วย จะดุด่าว่าอย่างไรดิฉันก็ยินดีรับฟ้งค่ะ ดิฉันครูผู้สอนตัวคนเดียวไม่มีที่พี่งที่ปรึกษาใด
กราบเรียนมาด้วยความเคารพและศรัทธา
ครูนิธิดา