เรียน อ. มีชัย
เหตุใดครับ ภาษากฎหมายไทยในปัจจุบันถึงได้เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีมานี้ ผมหมายถึง คำว่า หน่วยงานราชการ ข้าราชการ ถูกแทนที่ด้วยคำว่า หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ คำว่า ราชอาณาจักร ก็ไม่มีให้เห็น จะมีคำว่า รัฐ หรือ ประเทศ มาแทน พอนาน ๆ เข้า ประชาชนก็เรียกตามกันหมด ผมเห็นว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เกรงว่าปล่อยไว้นานจะไม่ดีแน่เลยครับ
บางท่านให้เหตุผลว่า จะได้ดูทันสมัยเหมือนตะวันตกเขาบ้าง ผมไม่เห็นด้วยครับ เพราะขนาดประเทศอังกฤษ นายกโทนี แบร์เขายังเคยพูดเลยว่าเป็นรัฐบาลในสมเด็จพระราชินี หรือสมเด็จพระราชินีองค์ปัจจุบันก็ยังเคยตรัสว่า รัฐบาลของฉันทำได้ดี...อะไรทำนองนี้ หรือแม้แต่กองทัพของอังกฤษ ก็ยังเคยมีคำกล่าวว่าเป็นกองทัพแห่งสมเด็จพระราชินี เขาก็ภาคภูมิใจและยกย่องประเพณีของเขา
บางท่านให้เหตุผลว่า ใช้คำว่า หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ จะได้ครอบคลุมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย ผมก็ไม่เห็นด้วยอีกครับ เพราะในอดีต บทนิยามของกฎหมายก็ได้นิยามศัพท์ คำว่า ส่วนราชการ หน่วยงานราชการให้หมายถึง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วยอยู่แล้ว
หรือเป็นเพราะว่า นักกฎหมายไทยไปเรียนที่ต่างประเทศมามาก พอกลับเมืองไทยลืมประยุกต์วิทยาการความรู้ให้เขากับบ้านเมืองของเราหรือเปล่าครับ
ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ
เรียน คุณกิตติพงษ์
ไม่ใช่เรื่องของการเดินตามตะวันตกหรืออะไรทำนองนั้นหรอก หากแต่กฎหมายนั้นออกมาเพื่อใช้กับกิจกรรมต่าง ๆ ณวันที่ออกกฎหมายและในอนาคต ดังนั้น ณ วัน ออกกฎหมายนั้น กิจกรรมและสภาพแห่งสังคมเป็นอย่างไร กฎหมายก็ต้องออกมาให้เหมาะกับกิจกรรมและสภาพนั้น ในสมัยก่อนกฎหมายที่เกี่ยวกับราชการ จะเกี่ยวข้องกับ "ข้าราชการ" "ส่วนราชการ" หรือหน่วยงานราชการ" เพราะในขณะนั้น มีแต่ "ข้าราชการ "ส่วนราชการ หรือ หน่วยงานราชการ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ราชการได้พัฒนาองค์กร เป็นอะไรหลายอย่างที่ไม่ใช่ส่วนราชการ หรือข้าราชการ อีกต่อไป มีองค์กรต่าง ๆ ที่มีสภาพเป็นของรัฐ แต่ไม่ใช่ส่วนราชการ มีคนที่ทำงานให้รัฐ แต่มิได้เป็นข้าราชการ เช่น องค์การมหาชน หน่วยงานในกำกับของรัฐ (เช่นมหาวิทยาลัยนอกระบบราชการ) ส่วนข้าราชการ ก็แปรสภาพเป็น พนักงานราชการบ้าง ลูกจ้างบ้าง คนที่เข้ามาทำงานตามสัญญาบ้าง เวลาที่จะกล่าวหน่วยงานเหล่านั้น ก็ต้องเรียกรวมกันว่า "หน่วยงานของรัฐ" หรือถ้าจะพูดถึงบุคลากร ก็ต้องเรียกรวมกันว่า "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" เป็นต้น