เรียน อ.มีชัยที่เคารพ
ในปี 2537 ดิฉันซื้อห้องชุดในดอนโดมิเนียมจากบริษัทแห่งหนึ่งโดยสัญญาซื้อขายระบุพื้นที่ห้อง 30 ตารางเมตร แต่เมื่อถึงวันโอนกรรมสิทธิ์ ในใบกรรมสิทธิ์ระบุพื้นที่ห้อง 28.40 ตารางเมตรเท่านั้น ลูกค้าหลายรายจึงร้องขอให้บริษัทจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างของพื้นที่ระหว่างพื้นที่ในสัญญากับพื้นที่ในหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด ในที่สุดในเดือนกรกฏาคม 2538 บริษัทมีหนังสือถึงลูกค้าทุกรายว่าจะดำเนินการจ่ายเงินค่าพื้นที่ส่วนต่างดังกล่าวให้ แต่เนื่องจากลูกค้ามีจำนวนมากจึงขอเวลาเตรียมการและแจ้งกำหนดรับเงินชดเชยในเดือนสิงหาคม 2538 แต่เรื่องก็เงียบหายไป ต่อมาดิฉันทราบจากเพื่อนๆที่ซื้อห้องชุดเช่นกัน ว่าบริษัทเริ่มจ่ายเงินให้ลูกค้าบางรายแล้ว จึงคอยต่อไป ต่อมาเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี2540 บริษัทมีปัญหาด้านการเงิน เรื่องนี้จึงเงียบหายไปด้วย ขณะนี้ดิฉันได้ลาออกจากราชการตามโครงการเกษียนอายุก่อนกำหนดเมื่อปี 2547 เนื่องจากมารดาป่วย และคิดที่จะขายห้องชุดแห่งนี้ ได้ค้นเจอจดหมายที่บริษัทเคยแจ้งเมื่อปี2538ว่าจะจ่ายเงินชดเชยค่าพื้นที่ส่วนต่างห้องชุดให้ จึงติดต่อไปยังบริษัท ทราบว่าบริษัทจ่ายเงินชดเชยพื้นที่ส่วนต่างให้กับลูกค้าบางรายอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อมีการร้องขอ และเพิ่งจะหยุดเงียบไปอีกช่วงต้นปี 2548 ทั้งนี้บริษัทไม่เคยแจ้งลูกค้าทราบ ยกเว้นรายใดไปร้องขอก็ได้ พนักงานให้ดิฉันเขียนคำร้องขอค่าชดเชยไว้ที่บริษัทในวันที่ 8 กรกฏาคม 2548 แต่ก็แจ้งว่าคงรอนานเพราะคำร้องที่มีผู้ร้องตั้งแต่เดือนมีนาคม2548 ยังไม่มีการอนุมัติให้จ่าย สอบถามบางคนเขาบอกว่าให้ทนายมาฟ้องเอาจะได้เร็วกว่า เงินชดเชยพื้นที่ส่วนต่างของห้องดิฉันจำนวนเงิน16,875 บาทค่ะ ขอเรียนถามท่านว่า
1.ดิฉันควรรอต่อไปจนกว่าบริษัทจะพิจารณาคำร้องของดิฉัน ( ซึ่งฟังจากพนักงานแล้วคงได้ยาก) หรือดิฉันควรให้ทนายฟ้องขอเงินชดเชยดีคะ
2.การให้ทนายฟ้องทำอย่างไร ใช้เวลานานเท่าใดและเสียค่าใช้จ่ายเท่าใดคะ เพราะเงินชดเชยที่ได้ไม่มากนักอาจไม่คุ้มกับค่าจ้างทนาย
3.ดิฉันจำเป็นต้องขายห้องชุดภายในเดือนนี้ หลังจากขายแล้วดิฉันยังฟ้องขอเงินชดเชยดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่บริษัทได้ยืนยันกับลูกค้าว่าจะจ่ายให้ตั้งแต่ปี 2538 แต่ยังไม่ได้จ่าย และเมื่อดิฉันขายก็แจ้งขนาดพื้นที่ห้องต่อผู้ซื้อเพียง 28.40 ตารางเมตรตรงตามใบกรรมสิทธิ์ค่ะ
ขอขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้ามา ณ ที่นี้
นับถือ
วันทนีย์
เรียน คุณวันทนีย์
1. ควรรอต่อไป ในระหว่างรอควรติดตามทวงถามทุกระยะ (อาจจะทุกเดือน) พร้อมกับการไปร้องต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อให้เข้ามาช่วยเจรจาเร่งรัดด้วย
2. ก็ต้องไปติดต่อกับทนายความเพือ่ให้เขาศึกษาเรื่องและจัดทำคำฟ้องให้ แต่ค่าชดเชยมีไม่มาก อาจจะไม่คุ้มกับค่าทนายความและค่าธรรมเนียมในการฟ้องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศาล
3. ถูกต้องแล้วที่ขายตามสภาพที่ปรากฏในเอกสารกรรมสิทธิ์ เวลาคิดราคาก็ควรคิดให้คุ้มกับทุนที่ซื้อมาบวกด้วยดอกเบี้ย ส่วนสิทธิในการได้เงินชดเชยถ้าคุณไม่ได้โอนให้เขา สิทธินั้นก็ยังเป็นของคุณอยู่