ผมได้เป็นหนี้บัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง ยอดเงิน 10,000 บาท และได้ชำระครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1998 โดยประมาณ เนื่องจากตกงาน ผมจึงได้ออกหางานทำในต่างจังหวัด โดยไม่ได้กลับไป และติดต่อกับทางบ้านยังภูมิลำเนาเดิมอีกเลย และไม่ได้ชำระหนี้เนื่องจากรายได้น้อย จนกระทั่งประมาณ ปี 2004 ผมได้ย้ายชื่อจากภูมิลำเนาเดิม มายังภูมิลำเนาปัจจุบันโดยย้ายปลายทาง พร้อมเปลี่ยนชื่อ และนามสกุล ใหม่ โดยภูมิลำเนาใหม่เป็นสถานที่ผมทำงานอยู่ จากนั้นก็ได้เริ่มมีจดหมายจาก สนง.กฎหมาย บางครั้งเป็นไปรษณีย์บัตรบ้าง มายังที่ทำงานทวงถามให้ชำระหนี้ และให้ผมติดต่อกลับ ผมได้ติดต่อกลับเพื่อประนอมหนี้ ซึ่งทาง จนท. แจ้งว่ายอดทั้งหมด คือ 29,000 บาท โดยประมาณ ซึ่งผมได้ทำการตกลงจะผ่อนชำระให้ เดือนละ 2,000 บาท เป็นระยะเวลา 13 งวด ที่เหลือเป็นงวดที่ 14 ซึ่ง จนท. แจ้งว่าจะส่งหนังสือยอมรับสภาพหนี้ให้เซ็นต์ และให้ผมเซ็นต์และส่งกลับ สนง.กฎหมาย เนื่องจากเป็นเอกสารสำคัญ แต่ว่าจนถึง วันที่ 18 มิ.ย. 2548 นี้ ผมก็ยังไม่เคยเห็นหนังสือฉบับนี้เลย และผมได้ชำระค่างวดไป ทั้งหมด 9 งวด ( งวดที่ 9 เมื่อเดือนเมษายน 2548 ) ผมได้เคยทวงถามถึงจดหมายยอมรับสภาพหนี้ แต่ จนท. แจ้งว่าส่งให้แล้ว และ จนท. ก็ไม่ได้ทวงถามผมอีกเลย ตลอด 9 เดื่อนที่ผ่านมา จนเดือนพฤษภาคม นี้ ผมก็ตกงานอีก ผมจึงไม่ได้ส่งงวดที่ 10 ในเดือนพฤษภาคม 2548 ผมอยากทราบว่า...
1. เขามีสิทธิฟ้องร้องต่อศาลได้ไหมครับ หากผมไม่ชำระหนี้ต่อ และผมควรทำอย่างไร ครับ
2. หากผมหางานใหม่ได้ แต่รายได้น้อย และไม่ได้ชำระหนี้ต่อ ทางเขาสามารถยึดเงินเดือนผมได้หรือไม่ครับ. ถ้าได้เป็นยอดเท่าไร ครับ
3. หากมีการติดตามให้ชำระหนี้โดยส่งเป็นไปรษณีย์บัตร ซึ่งทำให้ลูกหนี้อับอาย สามารถฟ้องร้องได้หรือเปล่าครับ
ขอขอบพระคุณล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้ ครับ.
1. ฟ้องได้ซี
2. ถ้าเป็นหน่วยงานเอกชน เขาก็มายึดเงินเดือนได้ ส่วนจะเป็นยอดเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณค้างชำระเขาทั้งต้นและดอกเป็นเงินเท่าไร
3. ถ้าเพียงแต่เป็นไปรษณีย์บัตรทวงถามเฉย ๆ ก็ไม่เป็นความผิดอะไร