เรียน ท่านมีชัย
ดิฉันมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ดินที่ถูกจำนอง เมื่อประมาณ พ.ศ 2527 พ่อของดิฉันได้บังคับให้แม่นำที่ดินมาค้ำประกัน ในการดำเนินการธุรกิจ เป็นเงินประมาณ 48,000 บาท ซึ่งที่ดินผืนนั้นเป็นชื่อของแม่ เป็นมรดกที่ตกทอดมาจากตายาย เอกสารที่ดินฉบับนั้นไม่เป็นโฉนด แต่เป็น นส.3 ซึ่งได้นำค้ำประกัน และในขณะนี้พ่อของดิฉันได้แยกทางกับแม่ไป เมื่อปี 2536 -37 และเขาก็ไม่ได้ส่งเสียอะไรเลย หลังจากนั้นมาประมาณ ปี พศ. 2544 - 45 แม่ดิฉันพยายามติดต่อเพื่อขอถ่ายถอนคืน ซึ่งทางฝ่ายที่รับจำนองก็ได้บอกไว้ ยินดีที่จะให้ถ่ายถอน โดยไม่คิดดอกเบี้ย แต่จะขอเป็นเงิน 50,000 บาท ทางแม่และดิฉันก็พยายามที่จะหาเงินเพื่อถ่ายถอนที่ดินนั้นให้กลับคืนมา แต่ก็ใช้เวลาพอควรกว่าที่จะรวบรวมเงินได้ หลังจากนั้นฉันได้มีโอกาสติดรถไปกับเพื่อนก็ได้เจอกับผู้ที่รับจำนอง ได้คุยถึงเรื่องที่พ่อได้นำที่ดินมาจำนอง ซึ่งเขาก็ยังคงยืนยังเหมือนเดิม ว่าต้องการเงิน50,000 บาท เหมือนเดิม และบอกว่าครั้งต่อไปให้ติดต่อกับแฟนของเขา ด้วยดิฉันต้องทำงานโอกาสที่จะเดินทางไปหาเขาก็ยาก จนทางที่ทำงานมีโอกาสที่จะเดินทางไปก็ได้โทรไปนัดเขาว่า เราต้องการที่จะนำเงินไปไถ่ถอนที่ดินคืนกลับมา ช่วยเตรียมเอกสารให้ด้วย เนื่องจากเวลาที่อยู่จังหวัดนั้นจำกัด ดิฉันเดินทางไปถึงจังหวัดนั้นแล้ว ก็โทรนัดเวลาอีกครั้งก่อนที่จะเข้าไปพบ เพื่อให้เขาเตรัยมเอกสารจะได้ทันเวลา ในขณะที่ฉันไปพบได้ชวนพี่ที่ทำงานไปด้วยเพื่อที่จะเป็นพยาน และได้พบกับคนที่ได้รับมอบหมายติดต่อซึ่งไม่ใช่เจ้าของเรื่อง เขาก็บอกว่าให้นำเงินให้ก่อนแล้วจะออกใบเสร็จว่าได้รับเงินแล้ว แล้วจะจัดการเอกสารที่ดินส่งให้ทีหลัง ซึ่งพี่ที่ไปด้วยก็บอกว่าน่าจะให้เสร็จเรื่องโดยนำสัญญาค้ำประกันที่พ่อและแม่ทำไว้ รวมถึงเอกสารที่ดิน นส3 มา ไม่น่านำเอกสารส่งตามไปทีหลัง ซึ่งทางเขาก็อ้างว่าหาไม่ทัน และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ให้ทนายเรื่องค้นหาเอกสารอีก ดิฉันไม่แน่ใจว่าเขามีอะไรหรือเปล่า ทำให้การติดต่อครั้งนั้นไม่ได้ผล และได้เล่าเรื่องให้กับแม่ดิฉันฟัง แม่ดิฉันได้ฟังเรื่องนั้นก็นำรายละเอียดนั้นไปปรึกษากับทนายที่คุ้นเคย ซึ่งทนายบอกว่า สัญญาค้ำประกันเมื่อดูแล้วมันหมดเวลา หรือทางกฏหมายที่เขาว่า หมดอายุความแล้ว ซึ่งมันเป็นสิทธิ์ของเราแล้ว ไม่จำเป็นที่เราต้องนำเงินไปให้ หรืออาจจะขอผ่อนผันว่าขอลดหย่อนเงินเหลือสักครึ่งจะได้ม้ย และเมื่อครั้งล่าสุดทางผู้ค้ำประกัน (เจ้าของเรื่อง)เขาโทรมาหาดิฉันบอกว่าจะมาดูที่ดินและจำนำนายทหารระดับพลเอกมาดำเนินการเรื่องที่ดินด้วย ดิฉันได้บอกแม่และแม่ก็ได้ติดต่อไปว่าจะหาเงินมาให้แต่ต้องใช้เวลา ตอนนี้ฉันควรจะทำอย่างไรดี เพื่อที่จะนำที่คืนมาให้เร็วที่สุด อย่างน้อยที่ดินผืนนั้นจะได้มาเป็นที่อาศัยของแม่ต่อไป ขอความกรุณาท่านช่วยแนะนำให้ทีนะคะ เพราะตอนนี้สับสนเหลือเกินค่ะ ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้วค่ะ
เรียน ลูกกตัญญู
ทางที่ดีในเบื้องต้น ควรขวนขวายหาสัญญาค้ำประกันนั้นมาอ่านดูให้ละเอียดว่าค้ำประกันอย่างไร เป็นจำนวนเงินเท่าไร มีเงื่อนไขหรือระยะเวลาอย่างไร แล้วจึงดำเนินการเพื่อถอนตัวออกจากการเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งก็คงต้องทำโดยวิธีการชำระหนี้ตามที่ค้ำประกันไว้ ที่ให้ดูสัญญาเสียก่อนก็เพราะไม่รู้ว่าค้ำประกันหนี้อย่างมีจำนวน หรือไม่มีจำนวน บางทีถ้าไปค้ำประกันโดยไม่มีจำนวน การไปชำระหนี้เพียงบางส่วน อาจจะยิ่งเป็นปัญหาขึ้น
ในการถอนตัวออกจากการค้ำประกัน นั้น สิ่งที่ต้องระมัดระวังให้จงหนัก ก็คือ ต้องได้หนังสือสัญญาค้ำประกันนั้นคืนมาพร้อม ๆ กับการชำระหนี้เขา อย่าได้ไว้วางใจใคร (แม้แต่กับพ่อแม่) ด้วยวิธีการชำระเงินไปก่อน แล้วรอรับเอกสารในภายหลัง ถ้าเขาบอกว่าเอกสารเขาหายหาไม่พบ ก็ต้องทำเป็นเอกสารขึ้นใหม่ ระบุรายละเอียดว่าได้มีการชำระหนี้รายที่ค้ำประกันเรียบร้อยแล้ว และเจ้าหนี้ไม่ติดใจที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันร่วมรับผิดอีกไม่ว่าจะเป็นหนี้รายใดหรือจำนวนเท่าใด ถ้าเขายึด นส.๓ ไว้ ก็ต้องเอาคืนมาให้ได้ ถ้าเขาบอกทำหายก็ต้องไปแจ้งความพร้อมกัน และนำหนังสือแจ้งความนั้นไปออก นส.๓ ใหม่ในทันที