สวัสดีครับ
คือผมมีคำถามอยากจะถาม คือ ผมได้ซื้อรถคันนึงเป็นเงินผ่อนกับบริษัทเงินทุน.... แล้วขายดาวน์รถไปปีที่แล้ว แต่ไม่มีการโอน ให้ คนรู้จัก โดยสัญญาที่ต้องผ่อนชำระกับบริษัทเงินทุนยังเป็นชื่อผม โดยตกลงกันกับคนซื้อว่า ผู้ซื้อจะเป็นคนจ่ายค่างวดกับบริษัทเงินทุนต่อไปเอง แต่ขณะนี้ ทราบว่า คนรู้จักที่ซื้อรถไปนั้น ไม่ได้ส่งค่างวดรถ โดยค่างวดที่ต้องส่งกับบริษัทนั้นเป็นชื่อผม
เมื่อต้นเดือน ผมได้รับหมายศาล ให้ผมเป็นจำเลยที่ 1 กับ พวกอีก 2 คน โดยบริษัทเงินทุนนั้นเป็นโจทย์ โดยศาลนัดให้ฟังคำไต่สวน วันที่ 19 เม.ย. นี้ครับ ผมอยู่เชียงใหม่ ผมต้องเดินทางไปศาลแพ่งกรุงเทพหรือเปล่าครับ แล้วกรณีอย่างนี้ ถ้าเกิดบริษัทจะยึดรถ ผมก็ไม่ขัดข้อง แต่ต้องไปตามยึดกับคนที่ผมขายดาวน์ให้ไปแล้วไม่ส่ง ผมต้องทำอย่างไรกับคดีนี้บ้างครับ ช่วยอธิบายรายระเอียดกับกรณีนี้ด้วยได้ไหมครับ ผมไม่รู้กฏหมายแพ่งครับ เมื่อได้รับหมายศาลก็ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วผมไม่มีเงินจะไปจ้างทนายครับ หากผมต้องใช้ทนาย กรุณาช่วยแนะนำ ที่ที่จะปรึกษา โดยไม่คิดเงินหรือ ราคาถูกได้มั้ยครับ ตอนนี้กลุ้มใจมากไม่รู้จะต้องทำอย่างไรก่อน
ด้วยความนับถืออย่างสูง
เฉลิมชัย
เมื่อได้รับหมายของศาลก็ต้องไปศาลตามกำหนดที่ระบุไว้ในศาล ถ้าหมายศาลกำหนดให้ไปเป็นพยาน ก็ไปตามหมายนั้น แต่ถ้าเป็นหมายที่ถูกฟ้องเป็นจำเลย สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือไปหาทนายความเพื่อเขาจะได้เตรียมสู้คดีให้ เว้นแต่จะไม่สู้คดีไปรับตามที่เจ้าหนี้เขาเรียกร้องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อคุณซื้อรถเขามา แล้วคิดง่าย ๆ ว่าขายให้คนอื่น ๆ ย่อมมีหน้าที่ไปชำระเงินต่อ เป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง เพราะเมื่อคุณซื้อมาแล้ว คุณก็มีหน้าที่ต้องชำระค่ารถจนครบถ้วน ส่วนการที่คุณไปขายให้คนอื่นนั้น เป็นเรื่องระหว่างคุณกับคนอื่น ที่คุณจะต้องไปติดตามทวงถามเอาเอง (เว้นแต่เขาจะใจดีไปส่งต่อให้คุณ) แต่โดยปกติเมื่อไม่ใช่ชื่อของเขาในการซื้อขาย คนส่วนใหญ่จึงมักจะตีกินสบายไป ได้รถราคาถูกมาใช้ โดยมีคนช่วยจ่ายค่ารถให้ ที่คุณนึกว่าหากบริษัทจะไปยึดรถมาคุณก็ไม่ขัดข้องนั้น คุณคิดง่าย ๆ อย่างนึกว่าดีต่อคุณ แต่ตามกฎหมายนั้น เมื่อบริษัทยึดรถมาได้แล้วเขาจะนำรถนั้นไปขายซึ่งส่วนใหญ่ก็จะได้เงินมาสักหนึ่งในสิบ ของราคา บางทีก็ยังไม่พอค่าดอกเบี้ยด้วยซ้ำไป ส่วนที่เหลือเขาก็ตามมาเอาจากคุณอยู่นั่นเอง คนที่ซื้อรถไปจากคุณนั่นต่างหากที่เขาจะไม่รู้สึกขัดข้องในการถูกยึดรถ เพราะเขาได้ใช้รถคุ้มค่ากับเงินดาวน์ที่เขาจ่ายให้คุณแล้ว (ซึ่งก็คงไม่กี่หมื่นบาท) แต่เขาไม่ต้องมีภาระรับผิดชอบในหนี้ค่ารถที่เหลืออยู่ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนซื้อรถนั้นมา