เรื่องมีอยู่ว่า ปู่ของดินฉันเป็นชาวจีน หนีขึ้นเรือสำเภามาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ อายุได้ 8 ปี และมีคนไทยรับเลี้ยงดู โดยให้ทำงานตอบแทนและให้อยู่ในที่ของเค้า และมีสัญญาปากเปล่าว่า ให้อาศัยอยู่จนชั่วลูกชั่วหลาน ตอนนี้ปู่ของดิฉันอายุ 95 ปี มีบัตรประชาชนเรียบร้อย และเมื่อ4-5 ปีที่แล้ว ลูกหลานของเจ้าของที่ที่ปู่ของดิฉันอาศัยอยู่ เค้าได้ให้ปู้ของดิฉันเซ็นกระดาษเปล่าไปสองแผ่น ด้วยความไม่รู้หนังสือก็เซ็นให้เค้าไป และหลังจากนั้นเค้าก็ได้มาล้อมรั้วพื้นที่ที่อาศัยอยู่ โดยที่ทางบ้านของดินฉันก็ได้รื้อรั้วส่วนที่ปิดทางเข้าออก และในตอนนี้เค้าได้ประกาศขายที่ดินผืนนี้และมีคนได้ซื้อไปแล้ว ในขณะนี้เค้าได้มาถมดินเพื่อปลูกสร้างอาคารพาณิชย์โดยที่ไม่มีการบอกกล่าวใด ๆ ทั้งสิ้น และทางครอบครัวดิฉันได้ปลูกบ้านไว้ จำนวน 3 หลัง อยู่ตรงกลาง ตอนนี้เค้าตัดต้นไม้ ผลไม้ทิ้งไปหมดเลย และได้ถมที่ทางด้านหน้าและหลังแล้วเหลือตรงบ้านดิฉันที่ยังไม่ได้ทำอะไร และอาจจะสร้างอาคารทางด้านหน้าก่อน โดยที่ทางครอบครัวดิฉันทำอะไรเค้าไม่ได้ ตอนนี้ปู่ของดิฉันก็อายุมากแล้วและความจำเลอะเลือนด้วย ตอนนี้ก็โกหกท่านว่าญาติพี่น้องเราเค้ามาถมที่ให้จะได้เดินง่าย ๆ ทราบว่าอีกไม่นานท่านคงเสีย แต่อยากทราบว่าพวกที่ยังอยู่จะทำอย่างไรดีค่ะ เราจะได้ค่าชดเชยหรือค่ารื้อถอนไหม หรือเราจะไม่ออกไปจากที่ดินผื่นนี้ได้ไหม ปกติ เคยได้ยินมาว่าถ้าเราอยู่บนที่ดินที่เจ้าของไม่มาดูแลเลยเป็นเวลา 10 ปี เราก็สามารถเป็นเจ้าของได้แล้ว แต่นี่ครอบครัวดิฉันอยู่มานานกว่า60 ปี จะแสดงสิทธิ์เป็นเจ้าของได้ไหมค่ะ แต่ว่าตอนี้ทางเราก็ยินยอมให้เค้ามาถมที่ไปแล้วค่ะ และติดที่ปู่ของดิฉันเคยเซ็นกะดาษเปล่าไปแล้วด้วยโดยที่ไม่รู้ว่าเค้าจะเอาไปเขียนว่าอะไร ดิฉันจะทำอย่างไรดีค่ะ ขอโทษน่ะค่ะที่เขียนยาวมาก
การครอบครองปรปักษ์นั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ครอบครองได้ครอบครองโดยสงบ โดยเปิดเผย โดยเจตนาเป็นเจ้าของ เป็นเวลา ๑๐ ปี จึงจะได้กรรมสิทธิ์ กรณีของคุณนั้นถ้าปู่ได้แสดงมาโดยตลอดว่าได้อยู่โดยอาศัยเขาอยู่ ก็จะไม่ได้กรรมสิทธิ์ แต่ถ้าได้แสดงมาโดยตลอดว่าเป็นของตนเอง ก็ต้องไปดูว่าได้ลงชื่ออะไรในเอกสารนั้น