ความคิดเสรีของมีชัย
เรียนรู้กฏหมายใกล้ตัว
เรื่องสั้น
จดหมายถึงนาย
 
  • นายช่าง อบต กำหนดให้ใช้วิศวกรระดับเกินกว่าที่สภาวิศวกรกำหนด
  •  
  • การยกเลิกกำนันผู้ใหญ่บ้าน
  •  
  • ค่าส่วนกลาง
  •  
  • ผู้ขออนุญาตปลูกสร้างเป็นเจ้าของอาคารแต่ผู้เดียวจริงหรือไม่
  •  
  • ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภครับคำขออนุญาตฎีกาอีกครั้งได้หรือไม่
  • อ่านทั้งหมด
    มุมของมีชัย ถาม-ตอบ กับมีชัย
     
         ถาม-ตอบ กับมีชัย จะเป็นกุญแจ ไขข้อข้องใจของทุกๆท่าน ในเรื่องกฎหมายและการเมือง โดยท่านอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ จะขจัดความสงสัยที่เกิดขึ้นของคุณให้หมดไป เมื่อคุณส่งคำถามเข้ามาที่นี่ ส่งคำถาม
    คำสำคัญ
    ค้นหาใน
     
    เลือกประเภทคำถาม-ตอบ > การเมือง | กฏหมาย | เศรษฐกิจ | ทั่วไป | มรดก | แรงงาน | ท้องถิ่น | มหาวิทยาลัย | ราชการ | ครอบครัว | ล้มละลาย | ที่ดิน | ค้ำประกัน | 22128 ค้ำ | archanwell.org | ล้างมลทิน | 24687 | hhhhhhhhhhh | คำถามทั้งหมด ... อ่านสักนิดก่อนตั้งคำถาม

    ปิดหน้าต่างนี้
    คำถามที่ หัวข้อคำถามโดยวันที่
    051170 เหตุ(ร่าง)รัฐธรรมนูญ58คว่ำนายกำธร เสนจันทร์ฒิไชย13 ตุลาคม 2558

    คำถาม
    เหตุ(ร่าง)รัฐธรรมนูญ58คว่ำ

    เหตุ..(ร่าง)รัฐธรรมนูญ 58..(คว่ำ)….

    1 ตุลาคม 2558

              ปรากฏการณ์วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2558  ข่าวทุกสำนักพาดหัวว่า..สนช.โหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบเพียง 105 เสียง ไม่เห็นชอบ 135 เสียง และงดออกเสียง 7 เสียงผลจากการลงมติครั้งนี้ไม่เพียงทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฯ ตกไป ยังจะทำให้ กมธ.ยกร่างฯ ทั้ง 36 คน ต้องพ้นจากตำแหน่งไปพร้อมกับสมาชิก สปช. ทั้ง 247 คนด้วยทั้งนี้ ตามร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 39/1 กำหนดว่า ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ กมธ.ยกร่างฯ พ้นจากตำแหน่ง หรือนับจากวันที่ร่างรัฐธรรมนูญฯ ตกไป ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้ง “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ” ขึ้นมาใหม่ชุดหนึ่ง ประกอบด้วยประธานกรรมการ 1 คน และกรรมการอีกไม่เกิน 20 คน เพื่อทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ก่อนนำไปจัดทำประชามติต่อไป ภายใน 45-60 วัน

              เมื่อปรากฏการณ์เป็นดั่งนั้นชาวบ้าน ๆ และสหายสมาชิกสภากาแฟของกระผมปรบมือแสดงความดีใจเพราะ..ไม่อยากให้ผ่าน..ด้วยหลากหลายเหตุผล หนึ่งนั้นคือกรณี (ร่าง) มาตรา 260  ที่ว่า..คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติ ประกอบด้วย ประธานกรรมการคนหนึ่งและกรรมการจำนวนไม่เกินยี่สิบสองคน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากบุคคลดังต่อไปนี้ (1)  กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (2) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งจากผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ซึ่งเลือกกันเองในแต่ละประเภท ประเภทละหนึ่งคน และ(3)..ฯลฯ คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ..บรรทัดนี้แหละคือปัญหาเพราะ กำหนดอำนาจพิเศษให้กรรมการยุทธศาสตร์ฯ ไว้ในบทเฉพาะกาล มีสาระสำคัญว่า.. หากนายกรัฐมนตรีขณะนั้นบริหารประเทศต่อไปไม่ได้อันเนื่องจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ฯ  กรรมการยุทธศาสตร์ฯ จะประชุมขอมติคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 เพื่อใช้มาตรการที่จำเป็นตั้งนายกรัฐมนตรี(คนกลาง) ทันที..กรุณาย้อนอ่าน (1) .นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น)เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ? ประทานโทษขอรับกระผมแล้ว ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีมันจะยอมลงจากเก้าอี้หรือขอรับ..โอ้ !!! พระเจ้าจอร์จ..ยุ่งตายห่า !!!

                     มาตรา 260 สังคมวิพากษ์ว่าเมื่อมีเหตุกลุ่มก้อนเสื้อสีใด..เป่านกหวีด..ประท้วงรัฐบาล ฯ (ขณะนั้น) จะมีอัศวินขี่ม้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี(คนกลาง)ทันทีและอัศวินคนนี้คงไม่พ้น..ทหาร..แล้วพรรคพวกรัฐบาล(ขณะนั้น)มันจะยอมหรือ..มันก็สั่งเป่านกหวีด..สู้กับไอ้พวกกลุ่มแรก..สู้กับนายก ฯ คนกลาง..ยุ่งตายห่า !!!..มาตรา 260 เมื่ออ่านวิเคราะห์แล้วมันรู้สึก..ลับ..ลวง..พราง..คือถ้าทหารปฏิวัติ..ก็กลัวอเมริกากลัวฝรั่งตาน้ำข้าว..ด่า..หาว่าเป็นเผด็จการ..ขณะที่คนไทยกำลังจะฆ่ากันไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไรมีหน่วยงานเดียวที่มีอำนาจมีปืนจะยับยั้งได้คือ..ทหาร..แต่ทหารก็ไม่กล้าฉะนั้น ศ.ดร.บวรศักดิ์  จึงออกกฎหมายหมวดนี้ขึ้นมาแบบ ลับ..ลวง..พราง..สมาชิกสภากาแฟของกระผมขอเสนอพระเดชพระคุณ ฯพณฯ นะขอรับ..ยกเลิกทั้งหมวดทั้งมาตรา 260 ออกทั้งหมด  ให้เขาสู้กันในสภา ฯ อภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 วัน 10 คืนก็ว่ากันไปสุดท้ายรัฐบาลทนไม่ไหวก็..ยุบสภาลาออกไปเอง..มิดีกว่าหรือขอรับ  หลาย ๆ รัฐบาลบรรดา ฯพณฯ ผู้นำมักพูดว่า..อเมริกัน..ไม่ใช่พ่อ..แล้วมาตรา 260 มีเพื่ออะไร ??  ไอ้พวกเสื้อสี...อ้างประชาธิปไตยใจเผด็จการ..มันเป่านกหวีดแน่ ๆ  ชัวร์ 1,000 เปอร์เซนต์

                        ไม่ใช่มาตรา 260 เท่านั้นแม้กระทั่งที่มาของอำนาจนิติบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ก็มีปัญหา ในหมวด 3  ส่วนที่ 2 สภาผู้แทนราษฎร (มาตรา 101-117 )ยกตัวอย่าง มาตรา 103 สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าสี่ร้อยห้าสิบคนแต่ไม่เกินสี่ร้อยเจ็ดสิบคน โดยเป็นสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวนสองร้อยห้าสิบคน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อจำนวนไม่น้อยกว่าสองร้อยคนแต่ไม่เกินสองร้อยยี่สิบคน.(แบ่งเขต..บัญชีรายชื่อ..ก็เรื่องเก่า ๆ ปฏิรูปตรงไหน) อีกตัวอย่าง มาตรา 104 “...การคำนวณเกณฑ์จำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคนให้คำนวณโดยการนำจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้งเฉลี่ยด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสองร้อยห้าสิบคนการคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีให้คำนวณโดยการนับจำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคนที่คำนวณได้ตามวรรคสองมาเฉลี่ย…ฯ ..คงหลักการเดิมตามมาตรา ๙๔ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐..(ยาวกว่านี้และ..งง..ขอรับกระผม ?..ยกตัวอย่างตาราง(สมมติ)

    ศ.ดร.บวรศักดิ์  อ้างว่า..ระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ที่กล่าวมาจะไม่ทำให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจริง และจะเป็นประโยชน์แก่พรรคการเมืองขนาดกลางและเล็ก มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การมีรัฐบาลผสมที่เอื้อต่อบรรยากาศการปรองดอง..? ?  ( ฯ พณฯ ฝันเพ้อเจ้อสุด ๆ)

                       กรณีดังกล่าวสังคมวิพากษ์ว่า..มันไม่ได้ปฏิรูปปฏิวัติอะไรเลยวัฏจักรวงจรอุบาทว์ก็มีต่อไปเหมือนเดิมคือการเมืองน้ำเน่าไร้อุดมการณ์มุ่งหวังคอรัปชั่นโกงกิน..อดีตเคยมีมาแล้ว (ไม่เข็ด)ไปยกมือในห้องน้ำเรียกทุนคืน  สมาชิกสภากาแฟของกระผมขอเสนอพระเดชพระคุณ ฯพณฯ นะขอรับ..ยกเลิกแก้ไขหมวดนี้ออกทั้งหมดใช้สูตรประชากร 150,000 ต่อ ส.ส.1 คน.ใครใคร่สมัครเชิญ – ไม่แบ่งเขต -ไม่สังกัดพรรค..แก้ไขในกรอบสโลแกนที่ว่า..เลือก ส.ส.และ,ส.ว..ทั้งจังหวัดไม่สังกัดพรรค..เหตุผล..เป็นผู้แทนของจังหวัดไม่ใช่เขต..ขจัดอิทธิพลมืด..ยังมีอีกหลายปัญหา..ขอต่อฉบับหน้าขอรับ..จะเขียนถึงปัญหาที่มาของอำนาจบริหาร(นายกรัฐมนตรี)และหมวด ๒ ส่วนที่ ๑ ความเป็นพลเมืองและหน้าที่ของพลเมือง (รัฐธรรมนูญ (ร่าง)..เน้น..คำว่าพลเมืองไม่ใช่คำว่า..ประชาชน)

    เหตุ (ร่าง)รัฐธรรมนูญ 58..คว่ำ..(2)

        นสพ.สันติภาพตรวจหวยที่ 1 ตุลาคม ค้างไว้ในปัญหาเรื่องเหตุ(ร่าง)รัฐธรรมนูญ 2558 คว่ำด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 105 เสียง ไม่เห็นชอบ 135 เสียง และงดออกเสียง 7 เสียงอันเนื่องจากมาตรา 260 คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติ  ในฐานะประชาชนจึงเสนอให้..ยกเลิกทั้งหมวด..คงไม่ต้องนำรายละเอียดมากล่าวในที่นี้อีก  และจากปัญหาที่มาของอำนาจนิติบัญญัติ..(สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)..ที่หลายฝ่ายท้วงติงว่าสับสนไม่ว่าจะมาตรา 102 -103 –104 ถ้าแก้ไขดังสโลแกนที่ว่า..เลือก ส.ส .และ,ส.ว..ทั้งจังหวัดไม่สังกัดพรรค..ปัญหาบวกลบคูณหารปัญหาบัญชีรายชื่อก็จะหมดไปหากใช้อัตราส่วนประชากร 150,000 ต่อ ส.ส. 1 คนเศษประชากรเท่าไรจะเพิ่มอย่างไรไม่น่าจะเป็นปัญหาและเลือกตั้งเขตใหญ่ทั้งจังหวัด ยกตัวอย่างมาตรา 104  ภายใต้ข้อบังคับมาตรา 110 การคิดคำนวณเพื่อหา ส.ส. ที่แต่ละพรรคพึงได้ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ (1) ให้นำคะแนนจากบัญชีรายชื่อที่ทุกพรรคได้รับมาคำนวณหา ส.ส.ตามสัดส่วนที่แต่ละพรรคพึงได้ทั้งประเทศ (2) ให้นำจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคแบบแบ่งเขตมาเทียบกับราษฎรแบบบัญชีรายชื่อจำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคน (3)ให้คำนวณโดยการนำจำนวนราษฎรทั้งประเทศตามหลักฐานการทะเบียนราษฎรที่ประกาศในปีสุดท้ายเฉลี่ยด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสองร้อยห้าสิบคนการคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี (4)ให้คำนวณโดยการนับจำนวนราษฎรต่อสมาชิกหนึ่งคนที่คำนวณได้ตามวรรคสองมาเฉลี่ย (5)  (6)  ยาวกว่านี้..งง ๆ และเบลอ ๆ ขอรับ ? จึงตัดเฉพาะบางส่วนมาให้อ่านเป็นข้อมูล  สหายสมาชิกสภากาแฟของกระผมบ่น..ทำไมต้องยุ่งยากมากความ.?? ศ.ดร.บวรศักดิ์..ท่านให้สัมภาษณ์ว่า..เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคเล็กพรรคน้อยได้ที่นั่งในสภา ฯ วัตถุประสงค์ของท่านมันสวนทางกับความคิดชาวบ้านที่ว่า..พรรคเล็กพรรคน้อยนี่แหละคือตัวปัญหาเสมือนคนที่ไม่มีศักยภาพแล้วได้เป็นผู้แทน ฯ ถ้าต้องการเล่นการเมืองด้วยอุดมการณ์เขาควรต้องสร้างและสะสมบารมีให้เป็นที่ประจักษ์แก่มวลชน..สหายสมาชิก ฯ เสนอว่าควรแก้ไขที่มาของ ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคใครใคร่สมัคร..เชิญ..ประเทศไทยจะได้ปราชญ์ชาวบ้านคนดีที่น่าเคารพนับถือไปเป็นผู้แทนราษฎรไม่ดีกว่าหรือ..ขอรับเจ้านาย

               -ขอต่อที่ค้างไว้ในอีกหนึ่งปัญหาคือหมวด, 4  คณะรัฐมนตรี(ม.164-188) ก็เหมือนเก่า ๆ  ไม่เห็นมันจะปฏิวัติ-ปฏิรูป..วรรคไหนตรงไหน..ยกตัวอย่างมาตรา 165 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าเป็นผู้มีสิทธิเสนอบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี..ฯ..แต่..ในกรณีที่บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อมิได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิก..ฯ.. หากการลงมติในกรณีเช่นว่านี้..ฯ.. ไม่ปรากฏว่ามีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบให้ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี..ฯ.. ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการตามวรรคหนึ่งใหม่..ฯ.. (วนมันอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะจ่ายค่ายกมือที่พอใจ)หากปรากฏว่ายังไม่มีบุคคลใดได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบให้ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี..ฯ..สภาผู้แทนราษฎรนั้นเป็นอันสิ้นอายุและให้มีการเลือกตั้งใหม่

                สรุป..1.นายกรัฐมนตรี มาจาก ส.ส.ก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพรรค..2. นายกรัฐมนตรีมาจากบุคคลภายนอกก็ได้..3.ถ้าหานายกรัฐมนตรีไม่ได้ตามสรุป 1 – 2 ล้มกระดานเลือกตั้งกันใหม่..โคตรยุ่งวุ่นวาย !! สมมตินะขอรับ..ส.ส.ที่มาตาม (ร่าง)มาตรา 102 -103 – 104 หมั่นไส้หัวหน้าพรรคใหญ่ 2 พรรคหมั่นไส้คนที่พรรคใหญ่เสนอบุคคลให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้รวมหัวกันเสนอหัวหน้าหรือสมาชิกพรรคเล็กพรรคน้อยหรือคนนอกให้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกระผมเชื่อได้1,000 % ส.ส.พรรคใหญ่ 2 พรรคมันจะยอมง่าย ๆ กระนั้นหรือที่สำคัญมีปัญญาจ่ายเงินในห้องน้ำหรือไม่ที่สุดมันก็วนอยู่ในวัฏจักรการเมืองน้ำเน่าไร้อุดมการณ์ไร้คุณธรรมและไร้สมองในการพัฒนาประเทศมุ่งหวังแต่คดโกงแสวงหาผลประโยชน์ตนและพวกพ้องเท่านั้น..เมื่อจะมีการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่สหายสมาชิกสภากาแฟจึงขอใช้สิทธิ์ประชาชนเสนอมายัง ฯพณฯ ทั้งหลายแก้ไขมาตรา 165 ..ที่มาของอำนาจบริหาร(นายกรัฐมนตรี)ในกรอบสโลแกนที่ว่า.. เลือกคนดีเป็นนายกฯ เลือกพรรคดีมีนโยบายพร้อมใจทั้งประเทศ..เหตุผล..ส่งเสริมประชาธิปไตยเต็มใบ  เขมร – ลาว – ชาวญวน – เมียร์ม่า – สิงคโปร์ – มาเลเซีย..ยังเลือกนายกรัฐมนตรีทั้งประเทศแล้วเหตุไฉนไทยแลนด์จึงทำไม่ได้กลัวอะไรกับนายทุนจะซื้อแผ่นดิน..คนไทยไม่ได้โง่ทุกคนขอรับ.. เจ้านาย

                  ได้เสนอแนะที่มาของอำนาจนิติบัญญัติ ( ส.ส).และที่มาของอำนาจบริหาร (นายกรัฐมนตรี)ไปแล้วคราวนี้มาถึงสิทธิของประชาชนตามสิทธิหน้าที่ของ "พลเมือง" ในร่างรัฐธรรมนูญ 2558 มาตรา 26 กำหนดว่า ประชาชนชาวไทยย่อมมีฐานะเป็นพลเมืองและ  มาตรา 65 บุคคลในฐานะพลเมืองมีสิทธิรับรู้และแสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการจัดทำและตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาคและระดับท้องถิ่น ฯ .มิตรสหายสภากาแฟจึงเสนอสโลแกนภาคพลเมืองว่า.. 8มงเช้า ถึง 4โมงเย็น 2วันพบกันที่ อบต.และเทศบาลฯ..เหตุผล..ใช้ อบต.และเทศบาลเป็นที่ลงคะแนนเพียงแห่งเดียวให้เวลาประชาชนมาลงคะแนน 2 วันขจัดหน่วยย่อยคูหาย่อยแก้คอรัปชั่นซื้อวัสดุอุปกรณ์ , แก้อิทธิพลมืดในการซื้อสิทธิ์ขายเสียง,ใช้บุคลากรข้าราชการในพื้นที่ได้เต็มที่และ.. ยื่นบัตรลงคะแนนเรียบร้อยรับ 500บาท เป็นเบี้ยเลี้ยง..เหตุผล..เป็นค่าเดินทางให้ประชาชนที่มาลงคะแนน..ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)..และ ฯพณฯประธาน มีชัย ฤชุพันธุ์  ไปดำเนินการ  

    คำตอบ
    จะส่งไปให้ กรธ เขาประกอบการพิจารณานะ
    มีชัย ฤชุพันธุ์
    13 ตุลาคม 2558